นปช.จัดเลี้ยงปีใหม่ มวลชนร่วมคึกคัก “จตุพร” ขึ้นเวที วิเคราะห์การเมือง ฟันธง “อนาคตใหม่” โดนยุบพรรคแน่ แนะ 11 กก.บริหารลาออก ให้สมาชิกเลื่อนขึ้นเป็น สส.แทน ไล่ “บิ๊กตู่” ลาออก
27 ธ.ค.62 ที่ชั้น5 ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว ร้านกาแฟ พีซคอฟฟี่ แอนด์ไลบรารี่ มีการจัดงานปีใหม่ 2563 โดยมี แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)เข้าร่วมจำนวนมาก โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.ได้วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองตอนหนึ่งว่า ปี 2563 จะเป็นปีของความยากลำบากทางเศรษฐกิจ ชนิดที่คนไทยไม่เคยเจอมาก่อน วิกฤติเมื่อปี 2540 เป็นการล้มบนฟูก ผู้ที่ได้รับกระทบมีแต่คนรวย
แต่ปัจจุบัน คนไทยต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ควรจะไปถามประชาชนว่า เบื่อหรือไม่ ที่คนไทยแสดงออกว่าเบื่อพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่ความเกลียดส่วนตัว แต่เกลียด ที่ไม่มีน้ำยาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของชาติได้ ควรจะยอมรับได้แล้วว่า คนไทยกำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส หากไม่ทราบคงจะอยู่ต่อไปนี้อย่างลำบากแน่
วันที่ 27 มกราคม ศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดอ่านคำวินิจฉัย ในคดีล้มล้างการปกครองของพรรคอนาคตใหม่ คิดว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่แน่นอน ด้วยการพรรณนาเหตุจากลัทธิชังชาติ อยากจะขอแนะกรรมการพรรคอนาคตใหม่ว่า หากวันที่ 27 มกราคมนี้ พรรคอนาคตใหม่ถูกตัดสินยุบพรรคจริง กรรมการบริหารพรรคที่เป็น ส.ส.อยู่ในขณะนี้ จำนวน 11 คน จะถูกตัดสิทธิไปด้วย ส่งผลให้ จำนวน ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ลดลงไป 11 คน
ดังนั้นเพื่อให้จำนวน ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ไม่หาย กรรมการบริหารพรรคทั้ง 11 คนที่เป็น ส.ส.ควรลาออกจากการเป็น ส.ส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไป ได้เลื่อนเป็นแทน เตรียมการไว้ให้ดี หากทัพแตก พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ส.ส.จะย้ายไปสังกัดพรรคใดแทน ระหว่างทางจะถูกฉก ส.ส.ไปอีกหรือไม่
ส่วนกรณีคดีเงินกู้พรรคอนาคตใหม่ ยังไม่รู้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะให้นำสืบหรือไม่ ยังมีอีกคดีคือ คดีแรกที่นายธนาธรถูกตัดสิทธิจากการเป็น ส.ส. ก็อาจเจอโทษทางอาญาด้วย ทั้งหมดทั้งปวงนี้ เป็นปรากฎการณ์ที่กำลังเดินไป
“นายธนาธร หากจะตัดสินใจลงถนนจริง ควรมีการเตรียมความพร้อม ในเรื่องการชุมนุม ผมมีประสบการณ์มาตั้งแต่เด็ก ประชาชนมากันเองลอย ๆ มาได้ครั้งสองครั้ง ถ้าไม่มีการบริหารจัดการ จะถูกแทรกแซง และจบด้วยการล้อมปราบ ไม่ว่านายธนาธรจะตัดสินใจอย่างไร ต้องมีความพร้อม”
นายจตุพรกล่าวว่า กิจกรรมวิ่งไล่ลุง 12ม.ค. การใช้กลไกรัฐเข้าแทรกแซง จะเป็นการเพิ่มจำนวนคนมาร่วมกิจกรรม อย่างคาดไม่ถึง สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือ มีพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่ง กำลังเดินสายปลุกระดม สร้างความขัดแย้ง โดยตั้งเวทีต่อต้านลัทธิชังชาติ ซึ่งทางรัฐบาลก็ยังไม่มีการตักเตือน ยังปล่อยให้ทำอยู่ แม้ว่าจะดูว่าคนที่มาร่วมฟังเวทีดังกล่าวมีไม่มากนัก แต่เป็นการบ่มเพาะความขัดแย้ง ยกตัวอย่างเหตุการณ์เมื่อปี 2556 เป็นต้น รวมถึงหากรัฐบาล ไม่ห้ามพรรคร่วมดำเนินการดังกล่าว เท่ากับว่า รัฐบาลกำลังจะก้าวเข้าไปเป็นหนึ่งในคู่ขัดแย้ง ในกระดานการเมือง ถ้าเริ่มต้นด้วยกลไกรัฐตั้งเวทีรอ อีกฝ่ายตั้งเวทีคู่ขนาน สิ่งที่จะเกิดขึ้น จบลงอย่างเดียว คือ ยึดอำนาจอีกรอบ
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ปี 2563 นี้ จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยความเดือดร้อนของประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ ควรยอมรับความจริง และลาออกไป ไม่อยู่เป็นภาระประชาชนอีก หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาชาติได้ รวมถึงขอกล่าวกับพี่น้องประชาชนว่า ขอให้ปี 2563 พี่น้องให้ความอดทน มีสติในทุกย่างก้าว เรายังคงเป็นเราเหมือนเดิม รักกันเหมือนเดิมไม่เสื่อมคลาย ขอให้พี่น้องมีความสุขมากที่สุด เท่าที่หาได้