“ธิดา”ปลุกแดง ยกประเด็นร้อน “ฆาตรกรต่อเนื่อง” โยง “รัฐประหารต่อเนื่อง”ทำลายปชต.

62

“ป้าธิดา” ชู ปรากฏการณ์ “ฆาตกรต่อเนื่อง” โยง ปมการเมือง “รัฐประหารต่อเนื่อง” ชี้ ร้ายกาจ รุนแรง ยิ่งกว่า เย้ย ตั้ง ก๊วน กปปปส. “ลุงกำนัน-สนธิญาณ” เข้าไป ทำลาย รธน.

20 ธ.ค. 62 – เฟซบุ๊กเพจยูดีดีนิวส์ ของแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เผยแพร่คำกล่าวของนางธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ปรึกษานปช. โดยมีเนื้อหาระบุว่า

“ฆาตกรต่อเนื่อง” แน่นอนว่ามันน่ากลัว ประชาชนก็ชูป้ายว่าให้ประหารชีวิตเพราะฆ่าคนมา 6 คนแล้ว แต่ในทัศนะของดิฉัน เราอยู่ในสถานการณ์ของการทำรัฐประหารต่อเนื่องจาก 2549 มาจนถึงปัจจุบัน 13 ปีมาแล้ว

ดิฉันอยากจะถามทุกท่านว่า “รัฐประหารต่อเนื่อง” กับ “ฆาตกรต่อเนื่อง” อันไหนมันรุนแรงและร้ายกาจ ส่งผลสะเทือนที่เลวร้ายต่อประชาชน ต่อสังคมมากกว่ากัน ในขณะที่เรากำลังตื่นเต้นกับ นายสมคิด พุ่มพวง ดิฉันอยากให้มองภาพใหญ่ ไม่ใช่ว่าเราไม่สนใจฆาตกรต่อเนื่อง แต่เราต้องสนใจการทำ “รัฐประหารต่อเนื่อง”

อาจจะไม่ใช่เป็นการทำลายชีวิต แต่ว่าการทำลายเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของคนหมู่มากในประเทศไทย รวมทั้งการทำลายอนาคตประเทศไทย ถ้าถามดิฉัน มันรุนแรงและหนักหน่วงกว่าฆาตกรต่อเนื่อง ซึ่งฆ่าทีละคน สร้างความหวาดกลัวให้กับสังคม

แต่ปรากฏการณ์รัฐประหารต่อเนื่อง 13 ปี มันรุนแรง ดิฉันอยากจะให้พวกเรามองให้เห็นภาพ เหมือนโรงละครจอมปลอมของระบอบประชาธิปไตย มันไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตจจริง เป็นการแสดง

แม้นมีรัฐสภา แม้นมีการเขียนรัฐธรรมนูญที่เอื้อประโยชน์ แม้นมีวุฒิสมาชิกที่มาจากการแต่งตั้งแล้วมายกมือให้นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นคณะผู้ทำรัฐประหาร เพียงแค่นี้มันก็เห็นชัดเจนว่า มันเป็นการทำรัฐประหารต่อเนื่อง ก็คือคงอำนาจที่ต่อเนื่องของคณะรัฐประหาร แค่ประเด็นวุฒิสมาชิก

ยังไม่ต้องพูดถึงองค์กรอิสระ!

ยังไม่ต้องพูดถึงศาลรัฐธรรมนูญ!

ยังไม่ต้องพูดกลไกอื่น ๆ แม้กระทั่งกองทัพ!

ในการที่จะทำให้หนุนเนื่องการทำรัฐประหาร

ก็คือจาก 2557 มาถึงปัจจุบันเป็นเวลา 5 ปีแล้ว แต่ว่าเราไม่รู้สึกแตกต่างเลย โดยเฉพาะดิฉัน ยังรู้สึกว่าเราเหมือนกับอยู่ในการทำรัฐประหาร ก็ง่าย ๆ คือวันที่เราไปจัดงานมิตติ้งแฟนเพจ ปรากฎว่ายังมีคณะซึ่งพยายามที่จะเข้าไปรับฟัง ไปอัดเทป สอดแนม ดิฉันก็ถามว่าใช้กฎหมายฉบับไหน จนกระทั่งมีรัฐบาลประชาธิปไตยแม้จะปลอม ๆ แล้วก็ตาม แต่การใช้อำนาจยังเหมือนเดิม

เราจะเห็นว่าแม้กระทั่งในการโหวตคณะกรรมาธิการวิสามัญในการที่จะเอาผิดตรวจสอบการใช้อำนาจมาตรา 44 ตรวจสอบผลจากประกาศคำสั่ง คสช. ที่โหวตแพ้ไปแล้วก็ยังโหวตใหม่จนได้ นี่แสดงให้เห็นถึงการปกป้องการใช้อำนาจของ คสช. เดิม

ล่าสุดการตั้งกรรมาธิการในการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือโหมดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นไม่ทำไม่ได้ เพราะประชาธิปัตย์ไม่ยอม ยังไงก็ต้องทำ! แต่จะทำอย่างไร?

ถ้าเรามาดูตัวแสดงว่าเขาส่งใครไป ส่งตัวเอ้เลย อย่าง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้ซึ่งทำ สื่อเนชั่น ที่พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าผมเป็นแฟนคลับทั้งพิธีการ ทั้งรายการต่าง ๆ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไม่พูดอย่างนี้ แล้วไม่มีนายสนธิญาณไป เราก็ยังไม่เข้าใจชัดเจน

แต่พอดีในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ตรงไปตรงมาอย่างหนึ่งคือ เวลาไปถวายสัตย์ฯ ก็ไม่พูดเรื่องจะปกป้องรัฐธรรมนูญ แล้วก็เป็นแฟนคลับเนชั่น ก็พูดตรง ๆ แล้วก็ส่งนายสนธิญาณเข้ามา เป็นกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน, มีนายอุดม รัฐอมฤต, นายสิระ เจนจาคะ, นายธนกร วังบุญคงชนะ เป็นต้น

แค่ดูรายชื่อเหล่านี้เราก็จะเห็นว่า จริงใจที่จะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญนี้ทำให้คณะรัฐประหารสามารถอยู่ได้ต่อเนื่อง และเมื่อท่านต้องการที่จะอยู่ยาว มันไม่มีเหตุผลที่ท่านจะไปทำลายรัฐธรรมนูญ ซึ่งกว่าจะได้มาแทบตาย ดังนั้นไม่ใช่ง่าย ๆ

พอท่านตั้งนายสนธิญาณและท่านบอกท่านเป็นแฟนคลับ มันเป็นอะไรที่มันสะท้อนบอกมาชัด ๆ ว่าสถานการณ์การเมืองและความคิดของคณะ คสช. และรัฐบาลปัจจุบันนี้ ขึ้นมายังจุดที่พีคของการต่อต้าน คือระดับของการต่อต้านฝ่ายที่เห็นต่างขึ้นมาอยู่ในระดับสูงมาก

กล้าที่จะบอกว่าเป็นแฟนคลับของเนชั่นทีวี!!!

กล้าที่จะแต่งตั้งคนเหล่านี้มาเป็นกรรมาธิการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ!!!

กล้าที่จะปฏิเสธและกล้าที่จะปกป้องตัวเอง

ถ้าเรามามองในกลุ่มของเครือข่าย “สถาบันทิศทางไทย” ซึ่งมี นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, ดร.สุวินัย ภรณวลัย, พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม, นายฉาย บุญนาค คนเหล่านี้เป็นจำนวนมากซึ่งเคยร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ มาก่อน พูดตรง ๆ ว่าพยายามจะตั้งสถาบันเพื่อเป็นฝ่ายวิชาการหัวหอกของพวกสุดโต่ง แล้วก็ลุงกำนัน ซึ่งหนีบหมอวรงค์ในการที่จะเดินสายปลุกม็อบ