ประธานพูโล เรียกร้อง ภาครัฐจริงใจแก้ปัญหาดับไฟใต้ ยันพร้อมเจรจาด้วยสันติ ไม่ใช่กำลัง ขณะ แกนนำ BRN เผย จนท.บุกบ้านยามวิกาล อ้างกฎหมายพิเศษ โดยไม่สนใจ คนแก่ และ เด็กทารก
10 ธันวาคม 2562 เคลื่อนไหวของกลุ่มผู้เห็นต่าง จากขบวนการปลดปล่อยปาตานี นายกัสตูรี มะโกตา ประธานพูโล ได้โพสต์เฟสบุ๊ค ส่วนตัวว่า ระบุว่า “เราไม่ประสงค์ที่จะสละชีพเพื่อการชะฮีด แม้แต่คนเดียว ในเมื่อข้อเรียกร้องของปาตานีได้รับการคลี่คลาย เฉกเช่นกันจะมีจำนวนนับร้อย และ นับพันบรรดานักพลีชีพที่เราได้ตระเตรียมไว้เมื่อใดมีความต้องการ ” นั่นถือได้ว่า เป็นคำประกาศของ ประธานกลุ่มพูโล พร้อมที่จะร่วมแก้ปัญหาให้คนปาตานีด้วยสันติ ไม่เห็นด้วยใช้กำลัง แต่พร้อมใช้กำลังทุกเมื่อหากมีความจำเป็น
เช่นเดียวกับ อดีต BRN ที่เคยปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยอมรับว่า อาจมีส่วนในการทำให้ปัญหาพื้นที่ดีขึ้น เพราะคนพื้นที่ ต่างต้องการแก้ปัญหาแต่ที่ยังเป็นปัญหา คือ ภาครัฐที่ยังสร้างเงือนไข วอนรัฐมีความจริงใจ ต่อบ้านเมืองอย่าโยนบาปให้คนอื่นเพราะประชาชนเดือดร้อน รัฐจะบาปเวรกรรมจะตามสนองในชาตินี้และชาติหน้า
ประธานพูโล กล่าวอีกว่า พร้อมจะเเก้ไขปัญหาปาตานีด้วยทางการเมืองโดยไม่ใช่กำลังทหาร เเต่ถ้าจําเป็นต้องใช้การทหารพูโลก็พร้อม พูโลยังมีกําลังพร้อมที่จะต่อสู้กับไทย ผมยังมีความหวัง กับ การเจรจาไม่ว่ายุคนี้ หรือว่า ยุคที่แล้วมา เเต่มันยังขาดความผยายามเเละความจริงไจเท่านั้นเอง
ขณะดียวกัน อดีต สมาชิก BRN เห็นว่าคำประกาศของแกนนำพูโล เป็นไปได้จะทำให้สถานการณ์คลี่คลาย และไม่ปฏิเสธว่า”ขบวนการพูโลในปัจจุบันยังมีกำลังอยู่” ที่จะสามารถทำอะไรได้ เห็นชัดที่ก่อนหน้านี้ พูโลพยายามส่งสัญญานในการผลิตเครื่องยิงจรวดนำระเบิด เข้าโจมตีหน่วยงานทหารหลายครั้ง พร้อมติดประกาศสัญลักษณ์เครื่องหมายพูโล จึงเห็นได้ชัด ว่ากลุ่มพูโลยังมีอาวุธยุทโธปกรณ์
“ประชาชนในพื้นที่ต่างพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาพื้นที่ แต่ที่ยังเป็นปัญหาในปัจจุบันภาครัฐเองที่สร้างเงือนไขให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐมีกำลังของรัฐที่อยู่ในกรอบและนอกกรอบ ที่ใช้กำลังกับประชาชนในพื้นที่ รัฐยังสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้นจากงานพัฒนา รัฐใช้วิธีทำให้ชาวบ้าน ถืออาวุธแล้วมาสู้กันเอง รัฐยังหาประโยชน์จาก งบประมาณและรัฐเหมือนไม่ต้องการให้ที่นี่ไม่มีปัญหา เพราะถ้าสงบงบฯไม่มา วิธีการสร้างเงือนไขของรัฐในปัจจุบันจะต่างจากอดีตดูเหมือนจะดี แต่มันก็ไม่ดีจริงขอให้รัฐจริงใจแล้วปัญหาจะดีขึ้นเพราะทุกคนต่างต้องการร่วมมือกับรัฐในการแก้ปัญหาอยู่ที่ว่ารัฐจะเลือกให้มันดีในแบบไหน”
ทางด้าน นายอดิลัน อลีอิสเหาะ สส.พรรคพลังประชารัฐ ผอ.ศูนย์ทนายมุสลิมประจำจังหวัดยะลา ได้โพสต์ เฟสบุ๊คส่วนตัว ในวันสิทธิมนุษยชนสากลว่า เนื่องในวันสิทธิมนุษยชนสากล ผมในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่ความขัดแย้ง และดำรงตำแหน่งกรรมาธิการคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ขอเชิญชวนให้ทุกท่านร่วมกันเคารพสิทธิของกันและกัน ยุติความรุนแรง และการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกรูปแบบ
หากพี่น้องประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม หรือ พบปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน สามารถร้องเรียนได้ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ใกล้บ้าน เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐสอดคล้องกับข้อบังคับตามกฎหมาย หรือนโยบายของรัฐที่ได้กำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นักประชาสังคม ได้โพสต์ ยืนยันว่า ยังมีความเคลื่อนไหวจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร ปฏิบัติตรวจค้นพื้นที่สุไหงปาดี นายอัรฟาน วัฒนา ชาวบ้านหนึ่งในผู้อยู่ในเหตุปิดล้อม ที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส กล่าวว่า เมื่อ เวลาเที่ยงคืน ได้มีเจ้าหน้าที่ ทหารพาน ฉก.48 นำโดย พ.อ.เอกพล เลขนอก ผบ.ฉก.กรมทหารพรานที่ 48 ร่วมกับ DSI จำนวน 50-70 กว่าคน รถยนต์ 10 คัน ปิดล้อมตรวจค้นบ้านที่ตนอาศัยอยู่ เลขที่ 109/2 ม.6 ต.กาวะ อ.ไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งในบ้านมีสมาชิก 9 คนทั้งหมด
“ทีแรกผมไม่อนุญาต เพื่อทำการตรวจค้นบนบ้าน เพราะผมมีลูกเล็กอายุ 4 เดือนนอนอยู่ หลานชายก็เป็นไข้สูง และคนแก่อายุ 70 กว่า ที่ไม่สะดวกต้องมาตื่นดึกๆเพื่อให้ เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ แต่ด้วยอำนาจทางกฎหมายพิเศษของเจ้าหน้าที่รัฐ ผมไม่สามารถขัดขวาง แม้ผู้การจะอนุญาตให้ผมถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน แต่หลังจากนั้นเขายึดโทรศัพท์และลบรูปหมดถ้าผมไม่ให้ความร่วมมือผู้การจะเชิญตัวผมไปในค่าย”
สุดท้ายทุกคนในบ้านต้องออกมาหน้าบ้านรวมถึงคนแก่และเด็กเล็กๆ แล้ว เจ้าหน้าที่ก็เริ่มทำการตรวจค้นบ้าน “ผมยังไม่รู้เลยว่าจริงๆแล้ว เจ้าหน้าที่ต้องการอะไร เพราะสองสามคนที่ผมพยายามถามเขาก็ตอบแตกต่างกันไป แต่ที่เขาตอบเหมือนกันหมดคือเจ้าหน้าที่ มาปฏิบัติตามหน้าที่ ถ้าไม่ให้ความร่วมมือก็ถือว่ากีดกั้นการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนตัวผมยินดีให้ความร่วมมือแต่ขอให้มากลางวันได้ไหม ดึกๆคนเขาจะหลับจะนอน หรือก็แจ้งมาเลยว่าอยากเจอกับใครผมจะได้ทำ appointment กับคนที่ เจ้าหน้าที่ต้องการเจอด้วย
“มีเจ้าหน้าที่บางคนรู้จักผมและจากข้อมูลทีเขาคุยๆกันนั้นเป็นข้อมูลที่เขาเสพจากเพจไอโอ ซึ่งแน่นอนเขาจะมองผมในด้านลบอยู่แล้ว และ ถามว่าตอนอยู่ PerMAS อยู่ตำแหน่งอะไร ตอนนี้ทำงานกับองค์กรอะไร ผมตอบไปว่า The Patani และ เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งก็ตอบกลับมาว่า ไอ้พวกรัฐปาตานี ”
สิ่งที่ผมอยากสื่อสารกับระดับนโยบายของรัฐ คือ สันติภาพจะไม่เกิดขึ้นจริง ถ้าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ให้เกียรติประชาชนในพื้นที่ ขนาดกับผมเองในฐานะนักเคลื่อนไหวเพื่อสันติภาพและเคยทำงานกับ เจ้าหน้าที่รัฐ ระดับนโยบายยังโดนขนาดนี้ แล้วประชาชนตาดำๆล่ะ จะเหลือหรือ
