เมื่อถามว่า เมื่อรับประทานอาหารร่วมกันไปแล้ว ทำไมจึงยังมีข่าวออกมาอีก นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีหรอก อย่างการโหวตมันคาดเดาได้อยู่แล้วว่า เสียงจะเป็นอย่างไร ตอนรับประทานข้าว แกนนำของแต่ละพรรคก็ให้สัญญาว่า จะไปทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อย่าไปคิดว่า โอ้โห นี่เธอผิดนิดเดียวจะต้องมีบทลงโทษอะไร เราทำงานด้วยกัน บางทีคนมันมีอะไรบางอย่างที่อยู่เหนือการควบคุม แต่ภาพรวมยังไปได้ อย่างนี้มันก็โอเค ก็เก็บสะสมแต้มไปเรื่อยๆ ถึงเวลาก็มานั่งสังคายนากันทีหนึ่ง ถือเป็นเรื่องปกติ นายกรัฐมนตรีต้องมีความอดทนสูง พวกเราทุกคนต้องช่วยกันประคองให้รัฐบาลไปได้ ไม่ใช่เพื่อความอยู่รอดของรัฐมนตรี หรือพรรคร่วมรัฐบาล แต่ต้องการให้ประเทศเดินหน้าไปได้ เพราะประเทศจะขาดการทำงานไม่ได้
เมื่อถามว่า ส่วนตัวมองว่า ในสถานการณ์แบบนี้ ต้องมีการดึงคนมาเสริมให้รัฐบาลมีมั่นคงมากขึ้นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เชื่อในเรื่องนี้ ถ้าพูดถึงงูเห่า เลี้ยงอยู่ในบ้าน แล้วจะรู้ได้อย่างไรวันไหนจะมาฉกเรา ต้องคิดระยะยาว จะแก้ปัญหาด้วยการดึงคนจากฝ่ายค้าน ถ้ามาแบบโยกพรรค ย้ายพรรคมาเลย อย่างนี้โอเค แต่ไม่ใช่มาแบบตัวเองยังสังกัดพรรคเดิมอยู่ มันไม่ใช่การแก้ไขปัญหาระยะยาว เขามาได้เขาก็ไปได้ ต้องคอยดูคนในบ้านให้ดีก่อน เมื่อถามว่า การแก้ปัญหาระยะยาว วิธีใดดีที่สุด นายอนุทิน กล่าวว่า สร้างความเชื่อมั่น สร้างความเข้มแข็ง เข้าใจซึ่งกันและกัน มีปัญหาอะไรต้องมาว่ากัน แก้ไขกันไป มันมีทางออกทางอื่น การเมืองต้องมีทางออก ถึงทางตันไม่ได้ อย่างตนเอง เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็โดนคนจาก ปชป.มาเหน็บแนม กรณี “กลุ่มชิโนทัย” ก่อสร้าง อาคารรัฐสภาล่าช้า ก็รู้สึกไม่พอใจ แต่ต่อมา หน.พรรคปชป.และเลขาฯ ท่านเขียนไลน์ ด่าลูกพรรคให้ รวมถึงตอนเย็นนายชวน หลีกภัย ก็โทรศัพท์มาหาว่า อย่าไปถือสานะ นี่ไม่เกี่ยวกับพรรค ขอโทษแทนด้วย คนนี้ใช้ไม่ได้ แค่นี้ก็พอแล้ว ถือว่าจบ”เราต้องรู้ว่า เราอยู่ระดับไหน และคนที่มากระแทกเราอยู่ระดับไหน อย่าลดตัวลงไปต่อสู้ ก็เท่านั้น” นายอนุทิน กล่าว