“บิ๊กตู่” นั่งหัวโต๊ะ ถก ก.ตร. ตั้ง “ผบก.-ผกก.” สั่งเข้ม 6 เดือน ต้องมีผลงาน

62

นายกฯ เป็นประธานประชุม ก.ตร. พร้อมแต่งตั้ง รอง ผบก.-ผกก. กว่า2000 ตำแหน่ง  กำชับ เข้ม 6 เดือน ต้องมีผลงาน ด้าน โฆษกตร. เผย ล๊อตหน้า คำสั่ง แต่งตั้ง รองผกก.-สว. เสร็จทัน 29 พ.ย.นี้ แน่นอน 

เวลา 14.00 น.วันที่ 28 พ.ย.62 ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธาน คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ กตร.เดินทางมาเป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 11/2562 โดยมี พล.ต.อ.จักร์ทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ให้การต้อนรับ นำเข้าที่ประชุมมี วาระสำคัญคือ การแต่งตั้ง พิจารณาตำแหน่ง รอง ผบก.และ ผกก. กว่า 2,000 นาย ที่เกิดจากอัตราว่างจากผลการเกษียณของข้าราชการตำรวจเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.2562 และการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า เรื่องที่จะชี้แจงวันนี้ คือ การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบก.-ผกก. ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่ ก.ตร.กำหนด ไม่เกินวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งที่ผ่านมาก็เลื่อนไปถึงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ทำให้เกิดปัญหาการแต่งตั้งมาโดยตลอด ครั้งนี้ ตนไว้ใจ ผบ.ตร.  การแต่งตั้งแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ รอง ผบก.หมุนเวียน ผกก.เลื่อนเป็น รอง ผบก. ผกก.หมุนเวียน และรอง ผกก.เลื่อนเป็น ผกก. ทั้งหมดรวมประมาณกว่า 2 พันตำแหน่ง

“การแต่งตั้งก็ดูหลายอย่าง อาทิ ความเหมาะสม มีการเยียวยาให้ความเป็นธรรมแก่ข้าราชการตำรวจที่ถูกโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรมไปไกลจากภูมิลำเนา และการแต่งตั้งผิดฝาผิดตัว ไม่ตรงกับความรู้ความสามารถ พร้อมให้โอกาสผู้ที่ได้อาวุโส 33 เปอร์เซ็นต์ได้ดำรงตำแหน่งหลักด้วย อย่างไรก็ตามได้กำชับว่า หลังการแต่งตั้ง 6 เดือน จะมีการประเมินประสิทธิภาพการทำงาน หากไม่มีประสิทธิภาพสามารถย้ายได้อีก ไม่ดีก็ต้องย้ายกันทุกๆ 6 เดือน ความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นคือการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาวให้อยู่ในกรอบการปฏิบัติโดยสุจริต แม้เงินเดือนจะน้อย แต่เมื่อเราสมัครมาเป็นตำรวจแล้ว ก็ต้องเป็นตำรวจทั้งใจและกาย และสิ่งที่สำคัญคือการมีทัศนวิสัยที่ดีต่อประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ฐานะโฆษกตร. กล่าวว่า คำสั่งการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรอง ผบก.-ผกก. ที่ออกมาแล้วเสร็จประมาณ 99 เปอร์เซ็นต์แล้ว วันนี้มีมาขออุมัติ ก.ตร. ในตำแหน่งที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ต้องออกคำสั่งเพิ่มเติม แบ่งเป็น นักบินตำรวจ 4 นาย,เทคโนโลยีสารสนเทศ 1 นาย,พิสูจน์หลักฐาน 8 นาย,สำนักงานตรวจสอบภายในเกี่ยวกับเรื่องบัญชี 6 นาย,อาจารย์ ร.ร.นรต. 1 นาย สำหรับคำสั่งแต่งตั้ง สว.-รอง ผกก. นั้น ก.ตร. กำหนดไว้ว่าเป็นอำนาจของ ผบช.หน่วย สามารถดำเนินการออกคำสั่งได้เลย ทาง ผบ.ตร. ได้กำชับให้ทุกหน่วยออกคำสั่งพร้อมกันให้ได้ในวันที่ 29 พฤศจิกายน และให้มีผลพร้อมกัน 13 ธันวาคม และให้เดินทางไปรายงานตัวพร้อมกันตั้งแต่ สว.-รอง ผบก. ในวันที่ 16 ธันวาคม

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวอีกว่า ที่ประชุม ก.ตร. พิจารณาเรื่องอัตราเกษียณ เนื่องจากปีนี้อัตราเกษียณค่อนข้างมาก 6,293 อัตรา เป็นสัญบัตร 1,093 อัตรา ชั้นประทวน 5,225 อัตรา จึงมีมติว่าเพื่อให้ตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาล จะจัดสรรอัตราให้กับ ภารกิจสำคัญ 5 ด้าน คือ 1.งานถวายความปลอดภัย 1,598 อัตรา 2.ภารกิจงานโรงพัก กลุ่มป้องกันปราบปราม งานสืบสวนสอบสวน 3,919 อัตรา 3.ภารกิจด้านปราบปรามยาเสพติด 320 อัตรา 4.งานความมั่นคงชายแดนใต้ จัดสรรเพิ่มเติมจากปีที่แล้วอีก 50 อัตรา และ 5.งานป้องกันปราบปรามอาญากรรมออนไลน์ ทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี 406 อัตรา โดยทั้งหมดนายกรัฐมนตรีให้พิจารณา 2 ประเด็น คือ ให้สรรหากลุ่มที่มีความรู้ใหม่ๆ ต่อการพัฒนาประเทศ งานนิติวิทยาศาสตร์ งานเทคโนโลยี โปรแกรมเมอร์ และ ให้พิจารณาจัดสรรข้าราชการตำรวจหญิงเข้ามาในอัตราที่เหมาะสมด้วย