“พะจุณณ์” เผย เส้นทางชีวิต “พล.อ.เปรม” มีแต่ความเป็นระเบียบ สมถะ และ โดดเดี่ยว ไม่เคยใช้อำนาจนอกลู่ นอกทาง ย้อนอดีต ช่วงบ้านเมืองแตกแยก ยุค”แดง-เหลือง” ตัดสินใจ เปลี่ยนสีเสื้อจากชมพู เป็น สีส้ม เพราะเหตุผลทางการเมือง
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 23 พ.ย.ที่ อาคาร 100 ปี วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร ได้มีพิธีทำบุญบำเพ็ญกุศลให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยมี พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตนายทหารคนสนิทประธานองคมนตรี เป็นประธาน ร่วมด้วยตัวแทนจากชมรมชาวปักษ์ใต้ นักธุรกิจ พ่อค้า ประชาชน ซึ่งมีการแจกหนังสือ ‘ปรัชญาแผ่นดิน’เป็นของที่ระลึก สำหรับบุคคลที่มาร่วมงาน
ภายในงานมีการขับเสภา สดุดี พล.อ.เปรม โดย กัลยารัตน์ คำคูณเมือง จากนั้นเป็น พิธีสงฆ์ สวดบังสุกุลแผ่กุศล ,ถวายเครื่องไทยธรรม และ จัดเสวนาโต๊ะกลม โดย พล.ร.อ.พะจุณณ์ ได้พูดถึง คุณงามความดีของ พล.อ.เปรม ตอนหนึ่งว่า ได้ทำงานกับ พล.อ.เปรม ตั้งแต่ปี 2524 และเกษียณอายุราชการในปี 2555 ตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็ได้สัมผัสและหารือกับ พล.อ.เปรม หลายเรื่อง รวมถึงปัญหาของบ้านเมืองในแต่ละช่วงสถานการณ์
พล.ร.อ.พะจุณณ์ ระบุว่า พล.อ.เปรม เป็นคนรักษาเวลา มีกิจวัตรประจำวันเป็นแบบแผน สมถะ และให้เกียรติทุกคน แม้แต่ทหารรับใช้ภายในบ้าน บางครั้งก็มีคนกล่าวหา เรื่องหวงอำนาจ ตำแหน่ง หน้าที่นั้น ซึ่งตนขอบอกว่า ท่านไม่เคยใช้อำนาจที่ได้มาทั้งทางตรงหรือทาสงอ้อมหาผลประโยชน์ให้ตนเองเลย นอกจากใช้เพื่อแก้ปัญหาบ้านเมือง
เคยมีคนถามว่า พล.อ.เปรม เหงาหรือไม่ เพราะหลายครั้ง ท่านจะนั่งทานข้าวคนเดียว แต่ท่านตอบว่า “ไม่เหงา ป๋าชินแล้ว”ตนฟังคำตอบก็รู้ว่าลึกๆแล้ว พล.อ.เปรม เหงา แต่ในเรื่องความจงรักภักดี ต่อราชบัลลังก์และสถาบัน พล.อ.เปรม มีความความจงรักภักดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ร.อ.พะจุณณ์ ระบุว่า ปกติ พล.อ.เปรม ชอบใส่เสื้อสีชมพู แต่ได้เปลี่ยนมาสวม “สีส้ม” โดยให้เหตุผลว่า ขณะนั้นบ้านเมืองกำลังเกิดความแตกแยก จาก สองกลุ่มการเมือง ต่างอุดมการณ์ คือ “เสื้อเหลือง-เสื้อแดง” ท่านจึง ใส่ สีส้ม ซึ่งเป็นสีผสม ของสีแดงและเหลือง ท่านไม่ได้รังเกียจ คนสีเหลือง หรือ สีแดง แต่ท่านรังเกียจคนไม่ดี ที่ไม่ซื่อสัตย์ และ ไม่จงรักภักดี
“ผมอยากให้ช่วยกันสื่อสารเรื่องราว พล.อ.เปรม ออกไป ไม่อยากให้คนรุ่นใหม่รู้จัก พล.อ.เปรม เพียงแค่เป็นคนดี คนซื่อสัตย์ แต่ต้องคิดว่า จะทำอย่างไรให้ พล.อ. เปรม เป็นผู้นำจิตวิญญาณเพื่อบ้านเมือง ให้คนรุ่นใหม่ซึมซับเอาสิ่งที่ดี การปฏิบัติตน ความจงรักภักดี และความรู้จักพอ ของ พล.อ.เปรม เพราะที่ผ่านมาบ้านเมืองบอบช้ำมามากแล้ว”
พล.ร.อ.พจุณณ์ กล่าวตอนท้ายว่า ไม่สามารถพูดเรื่องการเมืองในช่วงเวลานี้ เพราะเป็นห่วงจะส่งผลกระทบมากมาย และเป็นการเสียมารยาท ขอให้เวลาผ่านไปอีกสัก 10 ปี คิดว่า พล.อ.เปรม คงไม่ว่าอะไรแล้ว ตนจะพูดถึงเรื่องราวที่มีคนห้ามไม่ให้ คนบางคนเข้ามาพูดคุยกับ พล.อ.เปรม หรือ ให้ระวังคนบางคน