กกต.จัดเวทีเสวนา “ผู้นำการเมืองกับอนาคตประเทศไทย” 4 ตัวแทนนักการเมือง ประสานเสียงขอ ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ “หญิงหน่อย” ขอ “กิโยติน” แก้กฏหมาย “ธนากร” เดินหน้า ชน เผด็จการ กร้าว แม้จะต้องตายในคุก แต่ไม่คิดเลีย บูธทหาร
21 พ.ย.62 ที่ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้เข้ารับศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 10 จัดการเสวนาหัวข้อ “ผู้นำการเมืองกับอนาคตประเทศไทย” โดยมี นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมการเสวนา
นายวีระกร กล่าวว่า การทุจริตทำให้ความจนกระจุกอยู่ที่ภาคเกษตรกรรม ผู้นำที่ดีควรมีวิสัยทัศน์ กล้าเปลี่ยนแปลง โดยไม่ต้องลอกเลียนแบบ ยอมรับว่าโครงสร้างรัฐธรรมนูญเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะกรณี ส.ส.ไม่สามารถแปรญัตติแก้ไข พ.ร.บ.งบประมาณ ทำให้เรื่องรกสภาฯ ต้องเสียเวลาไปกับเรื่องเหล่านี้มากเกินไป รัฐธรรมนูญบางมาตราถ้าแก้แล้วโอกาสจะโดนยุบสภาฯ ก่อนแก้ปัญหาสำเร็จ หรือเป็นเรื่องยากเกินไปก็อย่าเพิ่งไปทำ ผู้นำประเทศต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต กล้าหาญ สู้กับความไม่ถูกต้องในประเทศ
“ผมเชื่อว่าบาปกรรมมีจริง นักการเมืองโกงบ้านโกงเมืองจะมีอนาคตที่ไม่ราบรื่น บางคนอายุ 40 ปี เป็นเอดด์ตายก็มี บางคนไม่ได้อยู่ในประเทศ บางคนติดคุก ขณะที่นักการเมืองที่เป็นรัฐบุรุษอย่าง “ป๋าเปรม” ตายเมื่ออายุ 99 ปี นอนหลับตาย ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของผม หรือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร อายุ 84 ปี ก็ยังคล่องแคล่ว มีคนเคารพกราบไหว้ หรือนายอานันท์ ปันยารชุน ซึ่งมีชีวิตบั้นปลายที่มีความสุข”นายวีระกรกล่าว
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ทุกคนต่างมีความฝันถึงผู้นำต้องซื่อสัตย์ กล้าหาญที่จะต่อสู้กับการคอรัปชั่น โดยพรรคเพื่อไทย จะประกาศนโยบาย”กิโยติน”กฎหมาย ด้วยการปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัยกับโลกยุคใหม่ ซึ่งโลกของการเปลี่ยนแปลงวันนี้ เราต้องการผู้นำที่มีมากกว่าในบทสวดนะโม ผู้นำยุคใหม่ต้องมีมากกว่าคุณสมบัติขั้นพื้นฐาน ต้องทันสมัยเข้าใจโลกยุคใหม่ ข้อเสียของคนที่เป็นผู้นำ คือมักยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง
“ผู้นำต้องรู้ว่าโลกที่เปลี่ยนแปลงจะเป็นโอกาสของประเทศอย่างไร มิเช่นนั้นเราจะไปดักเอาประโยชน์จากเทคโนโลยีไม่ได้ ประเทศและประชาชนจะเสียโอกาส พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายกิโยตินกฎหมาย เพราะกฎหมายที่ใช้ทำมาหากินของเราล้าสมัยทั้งหมด ต้องแก้กฎหมาย เอื้อให้มีการกระจายความมั่งคั่ง ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้นำจะว่า จะกล้าฝ่าด่านทุนใหญ่ที่ให้เงินมากในการเลือกตั้งหรือไม่ ถ้าผู้นำไทยเปลี่ยนความคิดไม่ทัน เปลี่ยนแปลงไม่ทัน เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังจริงๆ เพราะเราจะอยู่ท้ายสุดของอาเซียน” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
นายธนาธร กล่าวว่า ตนยอมรับว่าเป็นคนที่รวย และภูมิใจในความรวยมาก ภูมิใจเพราะไม่เคยรวยจากภาษีของประชาชน เนื่องจากบริษัทของตนไม่เคยเป็นคู่สัญญากับรัฐ แต่รวยจากการสร้างนวัตกรรม สร้างเทคโนโลยีที่ทำให้มีการจ้างงานกว่า 20,000 อัตรา วันนี้คนบางกลุ่ม มีอำนาจทางการเมืองโดยไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง โครงสร้างที่ค้ำยันกลุ่มอภิสิทธิ์ชน คือ ทหาร ทุนผูกขาด ระบบราชการที่ใหญ่โต และกระบวนการยุติธรรม
นายธนาธร กล่าวอีกว่า อำนาจของรัฐถูกแบ่งเป็น 3 ขา ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ เพื่อให้มีการตรวจสอบและถ่วงดุล โดยรัฐบาลไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือเผด็จการ แต่รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งแต่งตั้งโดย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ได้มาจากประชาชน อยู่เหนือรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ชี้เป็นชี้ตายให้รัฐบาลที่มาจากประชาชนได้ นี่คือดุลอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน ฝ่ายนิติบัญญัติ ส.ว .250 คน ไม่มาจากประชาชน เขากลัวประชาชนจะออกกฎหมายลดอภิสิทธิ์ทางการปกครอง การดำรงอยู่ของ ส.ว.เพื่อนำคนที่ประชาชนไม่ได้เลือกมาเป็นนายกฯ
“ผมชื่นชมทุกคนที่ออกมาต่อต้านคอร์รัปชัน แต่ถ้าคนเหล่านั้นไม่พูดถึงกองทัพ สัมปทานช่อง 7 กี่ปี และช่อง 5 ให้เช่าสัญญาณมันหายไปไหน ไม่มีอยู่ในงบประมาณ หรือแม้แต่เงินภาษีที่ใช้จ้างพลทหาร แต่ถูกเอาไปดูแลบ้านนายพล เป็นการคอร์รัปชันหรือไม่ การแสดงทรัพย์สิน นายพลใน สนช.รวยเป็นพันล้านบาทเป็นไปได้อย่างไร คนที่ไม่กล้าตรวจสอบคนเหล่านี้ ผมถือว่าเฟคทั้งหมด” นายธนาธรกล่าว
นายธนาธร ยังกล่าวอีก ว่า วันนี้ไม่ได้เป็น ส.ส. ไม่มีอภิสิทธิ์ แต่ถ้าจะเดินหน้าประเทศต่อไป ก็ขอเสนอแนวทางไทยแลนด์ 3D ทำให้ประเทศกับมาเป็นประชาธิปไตย ลดบทบาทกองทัพ และยุติอำนาจรวมศูนย์ในกรุงเทพ กระจายอำนาจให้ท้องถิ่น
“มีคนบางคนบอกว่าถ้าคุณทำดีจะมีอายุอยู่ถึง 90 หรือ 100 ปี แต่ผมไม่สนใจอายุขัย ไม่สนใจว่าจะจบสวยหรือไม่ ถ้าผมพูดความจริง ยืนหยัดต่อสู้ในสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะต้องจบชีวิตในคุกในตะรางก็ภูมิใจ ที่ได้สร้างสังคมที่เท่าเทียมส่งต่อให้ลูกหลาน และภูมิใจที่ชีวิตอาจจะจบไม่สวย แต่ไม่เลียบูททหารแน่ๆ” นายธนาธรกล่าว
ทางด้านนายปริญญ์ กล่าวว่า ผู้นำที่ดีต้องพร้อมยอมรับความเห็นของคนอื่น ยอมเปลี่ยนแปลงความคิดตัวเองเพื่อขับเคลื่อนประชาชนอย่างสันติวิธี เรื่องแบบนี้คนๆเดียวทำไม่ได้ พรรคการเมืองเดียวก็ทำไม่ได้ เพราะการขับเคลื่อนประเทศมีมิติของความซับซ้อนและละเอียดอ่อนร่วมอยู่ด้วย ขึ้นอยู่กับผู้นำจะยอมรับความเห็นต่างได้อย่างไร บางครั้งผู้นำต้องยอมรับโชคชะตา ไม่ใช่ให้จำยอมกับระบบเผด็จการ หรืออำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน