ปารีณา อ่วมหนัก! “ดำรงค์ พิเดช” ชี้ช่อง ฟ้องอาญา “ฐานรุกป่า” รวมแล้ว ต้องจำคุก 2,000 ปี กว่า 170 คดี เจ้าของแสดงตัวชัดเจนแล้วไม่ต้องรอนำชี้
นายดำรงค์ พิเดช หน.พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และอดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ แจ้งครอบครองที่ดิน ภบท. 5 จำนวน 1,706 ไร่ ในการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า
สิ่งที่กรมป่าไม้ต้องเร่งดำเนินการคือ ต้องแจ้งความดำเนินคดี โดยให้ประสานข้อมูลกับทางป.ป.ช. หรือ อำเภอ ว่าใบภบท.5 ที่ น.ส.ปารีณา แจ้งครอบครองนั้น ได้มาก่อนการประกาศ พ.ร.ฎ.กำหนดเขต สปก.หรือไม่ โดยเท่าที่ทราบจากข่าว น.ส.ปารีณาแจ้งครอบครอง ภบท. 5 ต่อ ป.ป.ช. ประมาณ 170 รายการ
ทั้งนี้หากครอบครองมาก่อนปี 2554 ที่มีการประกาศเขต สปก. ก็เท่ากับเป็นการบุกรุกป่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14 ในเขตป่าสงวนฯ ห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือ กระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมสภาพแก่ป่าสงวนแห่งชาติ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6-15 ปี และมีโทษสูงสุดถึง 15 ปี พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 54, 55 ผู้ใดครอบครองรายสุดท้ายถือเป็นผู้บุกรุก มีโทษตั้งแต่ 2-15 ปี
โดยในการแจ้งของกรมป่าไม้ก็ต้องแจ้งเป็นรายกระทง คือ 170 กว่ากระทง และขึ้นอยู่กับศาลจะพิจารณาโทษหนักเบาตามดุลยพินิจ คิดเป็นรายคดี ดังนั้นคาดว่าโทษจำคุกก็ตั้งแต่ 300-2,000 กว่าปี
นายดำรงค์ กล่าวอีกว่า วันนี้สังคมเข้าใจผิดว่าเป็นที่ดิน สปก.แล้วไม่ต้องดำเนินคดี การครอบครอง ภบท. 5 ดังกล่าวชัดเจน เพราะมีปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างในพื้นที่คือ โรงเลี้ยงไก่ และ น.ส.ปารีณาเองก็บอกว่าเป็นของตัวเอง จึงไม่ต้องมีการนำชี้เหมือนกรณีอื่นๆ
เพราะเรียกว่ามีตัวผู้ครอบครอง เช่นเดียวกันกรณีผู้สมัคร ส.ส.กระบี่ พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้รับการจัดสรรที่ดิน สปก.ก็ต้องไปตรวจสอบว่าครอบครองพื้นที่ดังกล่าวมาก่อนมีพ.ร.ฎ.ประกาศเขตปฏิรูปหรือไม่ วันนี้รัฐบาลจะไปอุ้มคนที่มีอาจมีปัญหาในเรื่องบุกรุกพื้นที่ป่าไม่ได้ ถ้าไปอุ้มจะพังทั้งรัฐบาล ตนยืนยันว่าเรื่องการบุกรุกป่าใครก็ช่วยใครไม่ได้ ซึ่งตนได้ติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น