ไล่บี้ต่อ! กกต.นำคำ วินิจฉัย ศาลรธน. เอาผิด “ธนาธร” ขัด พรป.เลือกตั้ง

เลขาธิการ กกต.ชี้ คณะกรรมการไต่สวนฯ เตรียม นำคำ พิพากษาศาลรธน. ไปประกอบสำนวนคดีอาญา ปม หน.พรรคอนาคตใหม่ ฝ่าฝืน พ.ร.ป.เลือกตั้ง 

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) กรณีถือครองหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ว่า หลังจากนี้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ของ กกต. ก็คงดำเนินการสอบสวนกรณีคำร้องที่มีผู้กล่าวหาว่า

นายธนาธร ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 151 ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(3) กรณีผู้ใดรู้อยู่ว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้ง หรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อต่อไป

“โดยตามหลักการทั่วไปแล้ว คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คงจะต้องนำผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ ไปพิจารณาประกอบในสำนวนด้วย เพราะมีการวินิจฉัยว่านายธนาธร ขาดคุณสมบัติ” พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2561 มาตรา 54 ระบุว่า สมัครลงรับเลือกตั้งเป็นส.ส.ทั้งที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม และ มาตรา 151 ระบุไว้ว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งรู้ตัวว่า ไม่มีสิทธิแล้วยังสมัคร ต้องโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี โดย กกต.ต้องเสนอเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งต่อไป

เมื่อถามว่า ส.ส.คนอื่นที่ถูกร้องเรื่องถือหุ้นสื่อ จะนำไปเป็นบรรทัดฐานหรืออ้างอิงในการต่อสู้คดีได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าข้อเท็จจริงตรงกันมันก็ใช่ แต่จะตรงกันหรือไม่นั้น ไม่ทราบ เพราะมีหลายสิบคน กรณีนี้มีการแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น บางประเภทมีหุ้นในบริษัทที่มีตราสารจนทะเบียนว่า มีวัตถุประสงค์อะไรบ้าง แต่ไม่เคยทำ หรืออีกประเภทคือ ได้ลงมือทำ แล้วเลิกไป ซึ่งมีหลายประเภทเหลือเกิน