“ธนาธร” แถลง คดี ถูก กกต.ร้อง ศาลรธน. พ้นสภาพ ส.ส. ปม ถือหุ้น สื่อ ยัน ได้ลาออกก่อน สมัครเลือกตั้ง ลั่น ผิดบาปนักหรือ ยึด อุดมการณ์ ต้าน คสช. เรียกร้อง สังคมส่งเสียงดังๆ ตะเพิด เผด็จการ
วันที่15 พ.ย.62 ที่ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) อาคารไทยซัมมิท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงคดีความเป็นส.ส.สิ้นสุดลงหรือไม่ จากกรณีการถือหุ้น บริษัท วีลัคมีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นเอกสารที่ได้ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญก่อนจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดวันที่ 20 พ.ย. โดยมี สมาชิกและแกนนำพรรค อนค.เข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก สาระสำคัญ 4 ประเด็น
1 บริษัท วีลัคมีเดียเป็นสื่อหรือไม่ โดยนายธนาธร ระบุว่า การถือหุ้นที่เป็นประเด็นขึ้นมาเริ่มต้นที่สกลนคร ภายหลังกกต.ส่งเรื่องไปศาลฎีกาให้วินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นผู้สมัครส.ส.สกลกนครของพรรคอนาคตใหม่ โดยคดีนั้นศาลฎีกาพิจารณาที่หนังสือบริคณห์สนธิเป็นหลักว่ากิจการใดเป็นกิจการสื่อมวลชน โดยถ้ามีวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับกิจการสื่อมวลชนถือว่าผิดตัดสิทธิทันที แต่ในคดีอื่นทำนองเดียวกัน เช่น คดีการถือหุ้นของส.ส. ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเห็นต่างจากศาลฎีกาโดยศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาถึงจากงบการเงินด้วย
สำหรับ บริษัทวีลัค ได้ผลิตนิตยสาร WHO ฉบับสุดท้ายเดือนต.ค.2559 โดยเป็นผลิตภัณฑ์ของวีลัค ส่วนหนังสือจิ๊บจิ๊บบริษัทวีลัคเป็นแค่ผู้ผลิต โดยผู้เป็นเจ้าของหนังสือดังกล่าวคือบริษัทนกแอร์ ส่วนหนังสือ Wealth บริษัทวีลัคเป็นผู้ผลิตแต่ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นเจ้าของ และปิดกิจการตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. 2561 และยุติการดำเนินการและไม่มีพนักงานและบริษัทไม่มีรายได้ตั้งแต่ 26 พ.ย.2561 ดังนั้น วีลัคยุติกิจการไปแล้วและไม่มีผลิตภัณฑ์แล้ว เช่นนี้จะเป็นสื่อมวลชนได้อย่างไร เป็นบริษัทที่ไม่มีการปฏิบัติการใดๆแต่เป็นบริษัทที่รอการชำระบัญชีเท่านั้น
2.ธนาธรยังเป็นผู้ถือหุ้นหรือไม่ โดยคำร้องของกกต.ระบุว่าตนยังเป็นผู้ถือหุ้น 21 มี.ค.2562 อ้างอิงเอกสารสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น หรือ แบบบอจ.5 ที่บริษัทที่ได้แจ้งไว้กับกระทรวงพาณิชย์ แต่การจะดูว่าการเปลี่ยนแปลงหุ้นสำเร็จหรือไม่ต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1129 และ 1141 ดังนั้น ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นอื่นหรือมีน้ำหนักพอ ต้องถือว่าธุรกรรมโอนหุ้นสำเร็จตั้งแต่วันที่มีการทำธุรกรรมไปแล้ว คือ 8 ม.ค.2562
3.การถือหุ้นผิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งรัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 มาตรา 98 (3) เริ่มมีตั้งแต่รัฐธรรมนูญ2550 โดยรายงานการพิจารณาของสภาร่างรัฐธรรมนูญในเวลานั้นมีการอภิปรายว่ามาตรานี้มีขึ้นเพราะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้เข้าแทรกแซงสื่อทางตรงและอ้อม และการที่ไปเป็นเจ้าของสื่อทำให้กลไกการตรวจสอบพิการ และที่สำคัญไปกระทบเสรีภาพของประชาชน
ประเด็นนี้อยากจะชี้ให้เห็นว่านิตยสารที่ผลิตโดยบริษัทวีลัคไม่เคยให้คุณให้โทษในทางการเมืองแม้แต่นิดเดียว นอกจากนี้ วันที่นิตยสารปิดตัวลงและไม่มีรายได้แล้ว เกิดขึ้นก่อนที่จะมีใครรู้ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใด โดยพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งพ.ศ.2562 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2562 แต่บริษัทปิดไปก่อนหน้านี้แล้ว เราไม่มีเจตนาจะคงบริษัทอยู่ เราปิดก่อนจะมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งด้วยซ้ำ
4.กระบวนการพิจารณาคดีเป็นธรรมหรือไม่ ทั้งนี้คณะกรรมการสืบสวนของกกต.กำลังดำเนินการและเรียกพยานมาในวันที่ 22 พ.ค. 2562 แต่ปรากฎว่ากกต.ชุดใหญ่ได้ส่งฟ้องศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 16 พ.ค.2562 ทั้งๆที่คณะกรรมการสอบสวนยังพิจารณาไม่เสร็จสิ้น กระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลชั้นเดียว แค่เรื่องนี้ก็มีน้ำหนักพอให้ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องแล้ว
นายธนาธร กล่าวต่อว่า จากทั้ง 4 ข้อถ้าถามผมว่าผมผิดอะไร คำตอบ คือ มันไม่ใช่เรื่องหุ้นสื่อ แต่ ความผิดของผม คือ การต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช. ผมฝันเห็นว่าทุกคนเท่าเทียมกันมีนิติรัฐนิติธรรม เราฝันเห็นประเทศไทยที่มีความก้าวหน้า และประเทศไทยที่ไม่มีรัฐประหาร ความฝันเช่นนี้มันเป็นผิดบาปมากนักเหรอครับในประเทศนี้
“เพื่อให้ได้ความฝันนี้เราจึงตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเพื่อมาต่อสู้เรียกร้องความฝันของเราตามระบบ รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งตามกฎหมาย ฝันอะไรก็บอกประชาชนอย่างนั้น เมื่อเสร็จสิ้นการเลือกตั้งและผลการเลือกตั้งออกมา เราก็ทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เราสู้ในสภาอย่างภาคภูมิใจ เพื่อให้ประชาชนเห็นถึงความตั้งใจของพรรคในการต่อสู้ในสภา เราต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็รณรงค์อย่างสันติ การตั้งพรรคการเมืองเพื่อสร้างความฝันของเราให้เป็นจริง มันเป็นความผิดบาปมากขนาดนั้นเลยเหรอในประเทศนี้”
“ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีอายุเกิน 70 ปีหลายคนผ่านเหตุการณ์รัฐประหารมาแล้วหลายครั้ง ผมเกิดปี 2521 ผ่านเหตุการณ์รัฐประหาร 4 ครั้ง เราจะอยู่ในสังคมอย่างนี้ต่อไปเหรอครับ ตอนนี้เป็นเวลาที่ควรจะมาทบทวนประวัติศาสตร์ว่าเกิดอะไรมาบ้างในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา บุคคลต่างๆมีส่วนทำให้สังคมเดินมาถึงจุดนี้ ถึงเวลาที่เราต้องส่งเสียงกันและพาสังคมออกจากจุดนี้ วันนี้สังคมมีความแตกต่างทางความคิดสองส่วน ระหว่าง การพาประเทศเดินหน้าไปด้วยประชาธิปไตย กับ การพาประเทศเดินหน้าไปด้วยระบบอำนาจนินิยม คนที่จะตัดสินได้ดีที่สุดควรจะเป็นประชาชนผู้ทรงสิทธิและเสรีภาพในการเลือกอนาคตของประเทศไทยด้วยตัวเอง” นายธนาธร กล่าว