เปิดเบื้องหลัง ‘นักร้อง’ศรีสุวรรณ จรรยา ขู่จะฟ้องเขตสวนหลวง มาจากมุสลิมคนหนึ่งต้องการเล่นงานการก่อสร้างอพาทเมนต์หารายได้ให้โรงเรียนสอนศาสนาที่ไม่มีทางออกถนน ต้องสร้างสะพานริมคลองที่ถูกระบุให้รื้อถอน
ตามที่ เมื่อวันที่ 3 พ.ย. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ขีดเส้นให้เขตสวนหลวง สั่งการให้นายทุนรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกลำรางสาธารณะโดยระบุว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ซอยพัฒนาการ 20 แยก 11/2 เขตสวนหลวง กทม. มีนายทุนเอกชนได้นำเศษวัสดุก่อสร้าง อิฐ หินดินทรายปูนเข้ามาทำการถมลำรางสาธารณะ เพื่อก่อสร้างถนนหรือทางเท้าเข้าไปสู่อพาร์ทเมนต์ของตนที่กำลังก่อสร้างท้ายซอย เป็นเหตุให้ลำรางสาธารณะคับแคบลง ทำให้เกิดน้ำท่วม น้ำไหลไม่สะดวกยามที่พายุฝนตกมามากๆ ซึ่งลำรางสาธารณะถือว่าเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตาม ป.กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.1304(2) และเป็นที่ดินของรัฐ จึงต้องห้ามมิให้บุคคลใดเข้าไปยึดถือครอบครอง ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ม.9(1) มีความผิดตาม ม.108 ทวิ วรรคสอง การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายชัดเจนนั้น
ดร.ไพรินทร์ มูฮัมหมัดตอเฮด กรรมการโรงเรียนมัจลิช โรงเรียนสอนศาสนาอิสลามชื่อดัง กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามทาจะเอาชนะกันของมุสลิมคนหนึ่งือพาทเมนต์ดังกล่าวไม่ใช่อพาทเมนต์ของนายทุนแต่อย่างใด แต่เป็นอพาทเมนต์ที่สร้างเพื่อนำรายได้มอบให้โรงเรียน
‘ที่ดินสร้างอพาทเมนต์ ได้รับการบริจาคจากมารดาอ.อาลี เสือสมิง อดีตครูโรงเรียนมัจลิช จำนวน 2 งาน เพื่อก่อสร้างอพาทเมนต์ หารายได้ให้กับโรงเรียน ซึ่งที่ดินดังกล่าวไม่มีทางออก จึงได้มีการก่อสร้างทางปูนเป็นทางเดิน เหมือนการก่อสร้าทางเดินริมคลองทั่ว และตรงขอบๆมีการถมขอบๆเพื่อให้มั่นคง ซึ่งมีมุสลิมคนหนึ่งได้ร้องเรียนทาหลายครั้ง ซึ่งไม่ทราบเหตุผล และนายประสิทธิ์ รักสลาม อดีตส.ก.เขตวัฒนาได้เคยไปเจรจาแล้ว แต่ไม่ยุติ’ดร.ไพรินทร์ กล่าว
กรรมการโรงเรียนมัจลิชท่านนี้ กล่าวว่า อพาทเมนต์ที่ก่อสร้างไม่ใช่ของนายทุน แต่เป็นการหารายได้ให้โรงเรียนสอนศาสนา ไม่ได้ใช้เพืรอผระโยชน์ส่วนตัว ไม่เข้าใจว่า ทำไมมุสลิมด้วยกันจึงฟ้อง การทำงานเพื่อศาสนา หรือเพียงต้องการเอาชนะกัน โดยไม่คิดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับการทำงานเพื่อศาสนา