แดงตัวแม่ “ธิดา ถาวรเศรษฐ” ออกมาร่วมวง ถล่ม “บิ๊กแดง” ชี้เป็น นายทหาร หลงยุค ท้ากระแสโลก ไม่ได้ศึกษา ประวัติการเมืองไทย มีวิสัยทัศน์ ที่ เป็น อันตรายอย่างยิ่งต่อ กองทัพ จงใจ ตั้งป้อม รังเกียจ นักการเมือง
เฟซบุ๊กเพจ “ยูดีดีนิวส์ – UDD news” โพสต์คำกล่าวของนางธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ปรึกษาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่ไลฟ์สด ไปเมื่อวันที่ 14 ต.ค.2562 โดยพุ่งประเด็น โจมตี “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัขต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ว่า “นายทหารผู้หลงยุค หลงตัว และท้าทายกระแสโลก”
นางธิดา กล่าวว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นผบ.ทบ. การที่ท่านปรากฎตัวออกมาพูดวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเมืองในที่สาธารณะ วิธีการที่ท่านแสดงโดยใช้สถานที่หอประชุมกองทัพบก, มี Presentation, มีเพลงประกอบ เป็นสิ่งที่ในโลกไม่มีทหารประเทศไหนเขาไม่ทำกัน สุดยอดค่ะ!!!
ประเด็น “นายทหารผู้หลงยุค หลงตัว และท้าทายกระแสโลก” นี้เป็นข้อสรุปอย่างรวบยอดในสิ่งที่ท่านได้แสดงออกมา ในสิ่งที่ท่านพูดนั้นมีเนื้อหาในเชิงหลักการ เนื้อหาในเชิงองค์ความรู้อยู่มากมาย แต่ทั้งหมดมันสะท้อนให้เห็นว่าวิธีคิดของท่านเป็นวิธีคิดแบบจารีตนิยม กล่าวได้ว่าท่านเป็นนายทหารจารีตนิยม ที่กล้าประกาศวิธีคิด องค์ความรู้ ท้าทายกระแสโลก ท้าทายสังคม สำหรับดิฉันถือว่าเป็นเรื่องดีที่ท่านออกมาพูด เพื่อคนในสังคมและคนรุ่นใหม่จะได้เรียนรู้ หลงยุคอย่างไร?
ในทัศนะของดิฉัน ความคิดของท่านมันต้องย้อนถอยหลังไปนับร้อยปี ดิฉันขอพูด ถึงคนที่เสียชีวิตไปแล้วอย่างเช่น พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา แม้กระทั่งจอมพล ป. พิบูลสงคราม เวลาที่เราพูดถึง กบฎบวรเดช มีเกล็ดประวัติศาสตร์ที่สำคัญว่า การที่ กบฎบวรเดช แพ้เพราะทหารในกรุงเทพฯ ไม่เอาด้วย เพราะเขากลัวว่าจะมีการย้อนประวัติศาสตร์ คือแทนที่จะเปลี่ยนแปลงมาเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญ ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และเป็นพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ แต่จะกลับไปเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อย่างเดิม นั่นคือเหตุผลที่กบฎบวรเดชไม่มีนายทหารในกรุงเทพฯ ร่วมด้วย
ท่านหลงตัวเองไปหรือเปล่า? ท่านอาจจะคิดว่าที่ท่านพูดนั้นถูก การหลงตัวเองนั้น เราจะไม่ใช้คำว่า “หลง” ถ้าสิ่งที่พูดเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับความเป็นจริง เขาเรียกว่าเป็น “ภววิสัย” แต่สิ่งที่ท่านพูดนั้นเป็น “อัตวิสัย” มาจากความคิดของท่านที่ท่านคิดว่ามันถูกต้อง มันดี และอันนี้ก็คือการต้านกงล้อประวัติศาสตร์และการท้าทายกระแสโลก เพราะท่านเริ่มต้นโดยการโจมตีพรรคการเมือง นักการเมือง คนรุ่นใหม่
วิธีคิดของท่านนั้นกล่าวได้ว่าท่านไม่สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย มันก็เหมือน 100 กว่าปีที่แล้ว กับความพยายามที่ประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แล้วมีคนบอกว่าทำไม่ได้หรอก เพราะคนไทยยังโง่อยู่ ยังไม่ได้เรียนหนังสือ ให้อำนาจยังไม่ได้ อาจจะค่อยเป็นค่อยไป ให้มีการเลือกตั้งระดับหนึ่งแบบที่เราเป็นกันอยู่ทุกวันนี้
แล้วท่านเอาประชาชนเป็นศัตรู ถ้าเป็นยุค 100 กว่าปีก่อนแบบที่ท่านคิดคือเป็นไพร่ เป็นพลทหาร แต่ประชาชนในโลกปัจจุบัน ไม่ใช่ไพร่ และไม่ใช่พลทหาร เขาเป็นเสรีชน
ท่านพูดถึงคอมมิวนิสต์ พูดถึงซ้ายจัดดัดจริต พูดถึงนักวิชาการ พูดถึงนายทุน พูดถึงฮ่อยเต้ซินโดรม จริง ๆ กระแสเหล่านี้เป็นกระแสของความพยายามของประชาชนในการที่มีสิทธิ มีเสรีภาพ มีความเท่าเทียมกัน นี่คือพัฒนาการของโลก นี่คือกงล้อประวัติศาสตร์ที่ต้องหมุนไป
อ.ธิดายังกล่าวด้วยว่า ดีแล้วที่ท่านออกมาพูดทั้งหมด เราก็จะได้รู้ว่าท่านคิดอย่างไร จะได้รู้ว่าท่านรู้อะไรและไม่รู้อะไรอีกมากมาย แต่พูดตรง ๆ นะ ในฐานะ ผบ.ทบ. ถ้าท่านรู้เท่าที่พูดมาทั้งหมด “เป็นอันตรายอย่างยิ่ง” เป็นอันตรายต่อกองทัพ
เป็นอันตรายต่อประเทศชาติและประชาชน แม้กระทั่งองค์พระประมุข
ท่านเทิดทูนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่การเทิดทูนนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความรู้จริง ไม่ใช่คิดเอาเอง หรือฟังเขามา ถ้าท่านไม่รู้จริง เท่ากับท่านนี่แหละกำลังทำร้ายประเทศ ทำร้ายประมุขของประเทศ และทำร้ายประชาชน รวมทั้งตัวท่านเอง
ถ้าย้อนไปก็แปลว่าคณะราษฎรก็คือปฏิปักษ์ของท่าน พรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ชนะการเลือกตั้งก็คือปฏิปักษ์ รวมถึงพรรคการเมืองใหม่ ๆ และคนรุ่นใหม่ด้วย สุดท้าย อ.ธิดากล่าวว่า ขอให้ท่านเข้าใจว่า นี่จะทำให้ประเทศชาติเป็นอันตรายอย่างยิ่งถ้าท่านเชื่อว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นถูกต้อง แต่ถ้าหากว่าท่านรับฟัง แล้วเกิดแง่คิดใหม่ อ่านหนังสือให้มากขึ้น ดิฉันขอใช้คำพูดของอาจารย์ ศิลป์ พีระศรี ที่บอกว่า นายไม่อ่านหนังสือแล้วนายจะรู้อะไร? อ.ธิดากล่าวทิ้งท้าย