“ปิยะบุตร” จัดเวที “แผ่นดินของเราในมุมมอบประชาธิปไตย” ร่ายยาว ตอบโต้ “บิ๊กแดง” ฉะ กองทัพ จงใจ สร้างวาทกรรม ใส่ร้าย การเมือง เป็น “วงจรอุบาทว์” แต่ขณะเดียวกัน กองทัพ กับสร้าง “วงจรรัฐประหาร” มี มาตรา 44 เป็นเครื่องมือ ปล่อยให้ประชาชน รับชะตากรรม ติดกับดัก รายได้ ไม่พอเพียง
วันที่ 12 ต.ค.2562 ที่ สำนักงานพรรคอนาคตใหม่ ชั้น 5 อาคารไทยซัมมิท นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ บรรยายพิเศษหัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองประชาธิปไตย: บทบาทของประชาชนในการสร้างชาติ” ตอบโต้ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ กล่าวบรรยายพิเศษ ความมั่นคงในมุมมองของกองทัพ ตอนหนึ่ง ว่า การนำความเห็นนักวิชาการคนหนึ่งขึ้นมา ทำลายความชอบธรรมของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของ พรรคฝ่ายค้าน เราเห็นกันอยู่แล้วว่าแก้ไม่ได้ เราประกาศหลายครั้งว่า จะตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เว้นไม่แตะต้อง รัฐธรรมนูญหมวด 1-2 ผบ.ทบ.จะต้องไม่นำความเชื่อท่านเองมาทำลาย ขบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย การแก้ตามระบบไม่มีทางเปลี่ยนแปลงระบอบ หรือ รูปของรัฐได้ มีกรอบอยู่ แก้ไม่ได้หรอก เป็นแค่การจินตนาการกันไป มันตรงกันข้าม กะับข้อเท็จจริงที่ผ่านมา เมื่อคณะรัฐประหารเข้ามายึดอำนาจ กลับฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
นายปิยบุตร ระบุว่า กระบวนดังกล่าว ทำให้เกิดรัฐทหาร ซึ่งโดยหลักการ ทหารมีหน้าที่รักษาความมั่นคง เขาจะไม่เข้ามาเล่นการเมือง หลายประเทศเขาไม่ให้เอากองทัพมายุ่งการเมือง แต่ของเราประเทศไทย ทำต่อเนื่องมาเรื่อยๆ อย่างแนบเนียนแยบคาย การคงอำนาจกองทัพได้ ต้องมีวิกฤตมีปัญหา ดังนั้นเมื่ออยากให้กองทัพมี บทบาทการเมืองตลอดไป จำเป็นต้องทำให้ประเทศมีวิกฤติตลอดเวลา จะได้ครองอำนาจไปตลอดเพื่อแก้ไข การใช้อำนาจพิเศษของทหารเข้ามาแก้ไขปัญหาทางการเมือง ทำเรื่องยกเว้นให้เป็นเรื่องปกติ กลายเป็นสถานะพิเศษและถาวร ปรากฏชัดที่สุดคือมาตรา 44
การที่ด่านักการเมืองเลว สร้างความแตกแยก ชักศึกเข้าบ้าน คือความพยาม ล้างสมองคนรุ่นใหม่ เป็นการประดิษฐ์ วาทกรรมให้เกิดวิกฤติ ให้กองทัพมีอำนาจตลอดเวลา อยู่เหนืออำนาจพลเรือน เรามักได้ยินคำว่า “วงจรอุบาทว์การเมืองไทย” มีเลือกตั้ง มีปัญหาวิกฤติคอร์รัปชั่น ขัดแย้ง รัฐประหาร ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่จริง ๆ มันคือ “วงจรรัฐประหารที่หยุดยั้งประชาธิปไตย “ การพัฒนาประชาธิปไตยต้องพัฒนาคน จะไม่มีวันพัฒนาได้ถ้ารัฐประหารตัดตอนตลอดเวลา พอชนชั้นนำรู้สึกคุมไม่อยู่ก็รัฐประหารเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ เมื่อใดที่ประชาชนตระหนักรู้และรุดหน้า เมื่อนั้นก็เกิดรัฐประหาร
นายปิยะบุตร ย้ำว่า ประเทศไทยติดหล่มขัดแย้งมา 13 ปี หนุ่มสาวไม่เห็นอนาคต คนวัยทำงานไม่ขยับชนชั้น คนสูงอายุไม่แน่ใจจะส่งมอบสังคมแบบไหน เผชิญปัญหากับดักรายได้ปานกลาง ความเหลื่อมล้ำ ไม่มีสวัสดิการที่ดีเพียงพอ ความแตกแยก ซึ่งใหญ่และยากเกินกว่าจะแก้ไข ปรากฏการณ์ของพรรคอนาคตใหม่เป็นการเกิดขึ้นจริง อย่าไปหลอกลวงในใจว่าเป็นการปลุกปั่นล้างสมอง มีคนจำนวนมากตื่นรู้แล้ว ถ้ามองถูกปลุกปั่นแก้ไม่ตรงจุด ท่านก็คิดตลอดมีผู้ไม่หวังดี มีมาสเตอร์มายด์ อยู่เบื้องหลัง ก็แก้ไม่ได้ จะจับขัง ปรับทัศนคติ หลายครั้งหลายหน ก็แก้ไม่ได้ ถ้าแก้ได้ คงไม่เกิดนโยบาย 66/2523 ในอดีต ที่สุดท้ายนำคนหนีเข้าป่าต้องกลับมาร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม นายปิยะบุตร กล่าวในตอนท้ายว่า อย่ากังวลใจกับตน หรือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ คนที่สนับสนุน ท่านอาจคิดว่าตนเป็นพวกซ้ายจัดดัดจริตชอบปฏิวัติ ที่ตนศึกษาเรื่องการปฏิวัติเพื่อเป็นบทเรียน และคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยไม่เจอสถานการณ์แบบนี้ ตนศึกษาการปฏิวัติ แต่สนับสนุนการปฏิรูปให้คนในชาติอาศัยร่วมกัน
ยอมรับว่าทั้ง ผบ.ทบ. และ ตนเคยเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง แต่เราพร้อมที่จะปฏิรูปประเทศไปด้วยกันกับท่าน การที่ท่านบรรยายนั้นไม่เป็นผลดี มีแต่ตอกลิ่ม สร้างความแตกแยก แล้วปกครอง เหมือนสมัย สงครามเย็น โจมตีคนว่าเป็นคอมมิวนิสต์ คอมมิวนิสต์ เป็นศัตรูของชาติ กำจัดได้ ตนเห็นใจวีรกรรมของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ บิดาของท่าน ฟังแล้วก็น้ำตาซึม แต่คนธรรมดา ก็บาดเจ็บล้มตาย จากสงครามในประเทศเหมือนกัน