6 ต.ค.2562 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ “หมอเลี๊ยบ” หรือ นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีต รมว.คลัง ในฐานะอดีตนักศึกษาที่ร่วมสมัยอยู่ในช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519 ให้สัมภาษณ์เปรียบเทียบถึงสถานการณ์ทางการเมืองเมื่อ 43 ปีที่แล้วกับปัจจุบัน ว่า สถานการณ์ปัจจุบันยังน้อยกว่าอดีตที่ผ่านมามาก
ดังนั้นขอให้คนรุ่นหลัง อย่าท้อแท้ อย่ากลัว อย่าทิ้งบ้านทิ้งเมืองหนีไปต่างประเทศ เรายังฝ่าฟันไปได้ ยังมีโอกาสในการช่วยส่งเสริม พัฒนาประเทศ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพ และเชื่อว่าการเกิดขึ้นของโซเชียลมีเดียนั้น เป็นคุณมากกว่าโทษ เพราะชุดความรู้ และข้อเท็จจริง มีการแพร่กระจายออกไป ไม่เหมือนอดีต ที่ไม่มีโซเชียล มีข่าวลวง ความเข้าใจผิด ความขัดแย้งหนักหนากว่านี้ ซึ่งตนเห็นอนาคตที่สดใส มากกว่าความมืดมน และการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี จะมาช่วยส่งเสริม ประชาธิปไตยทางตรง
“ในเรื่องรัฐธรรมนูญของไทย ผมขอจัดเกรดรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ให้เกรด A แต่รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 ผมให้ F เพราะออกแบบมาอย่างไม่ฟังเสียงประชาชน และประชาชนไม่มีสิทธิ์กำหนดผู้บริหารประเทศด้วยตนเอง และเสรีภาพถูกปิดกั้น”
นายแพทย์สุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ตนขอฝากถึงผู้มีอำนาจ ในระบบประชาธิปไตย ที่ต้องฟังเสียงประชาชน โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ต้องฟังเสียงประชาชนให้มาก เข้าใจว่าแม้นายกฯ จะมีความเห็นส่วนตัว แต่การฟังเสียงประชาชน จะทำให้สามารถแก้ปัญหาได้ดีกว่า ส่วนนักการเมืองนั้นขอให้มองไกลนึกถึงบ้านเมืองเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา และประชาธิปไตยต้องไม่แสวงหาวิธีการทางลัด ด้วยการรัฐประหาร และขอฝากไปยังฝ่ายประชาธิปไตย ว่าอย่าเพียงแค่ยึดมั่นในผลประโยชน์ของพรรคของตนเพียงเท่านั้น