เงิบ! กองปราบไม่รับแจ้ง กลุ่มชาวพุทธฟ้องศาลปกครองไม่ตัดสินเลิกฮาลาล

กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน ยื่นกองปราบฯ กรณีเอาผิด 8 ผู้พิพากษาศาลปกครอง หลังไปยื่นศาลให้เพิกถอนเครื่องหมายฮาลาลออกจากสินค้า แล้วศาลไม่รับคำร้อง ขณะที่พนักงานสอบสวนระบุ ไม่อยู่ในข่ายกองปราบทำคดี

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 ก.ย. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายจรูญ วรรณกสิณานนท์ และทนายพงศ์นรินทร์ อมรรัตนา พร้อมกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน เข้าพบ ร.ต.อ.รัถย์ศานต์ ประจิตร์ รอง สว.สอบสวน กก.3 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้พิพากษาศาลปกครอง จำนวน 8 คน แบ่งเป็นผู้พิพากษาศาลปกครองสูงสุด 5 คน คือ 1.นายมนูญ ปุญญกริยากร 2.นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ 3.นายประวิตร บุญเทียม 4.นายสมชัย วัฒนการุณ และ 5.นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ และผู้พิพากษาศาลปกครองกลาง 3 คน คือ 1.นายนิทัศน์ แช่มช้อย 2.นายสัมฤทธิ์ อ่อนคำ และ 3.นายคม บูรณวรศิลป์ ฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ฐานวินิจฉัยคดีโดยไร้ความสามารถ และในลักษณะช่วยเหลือผู้กระทำผิด

นายจรูญ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2560 ตนและกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดินได้ยื่นฟ้องจุฬาราชมนตรีและคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยจำนวน 16 คน ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานผู้ใช้อำนาจทางการปกครองตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2543 ได้ออกระเบียบเก็บเงินฮาลาลโดยมิชอบ โดยไม่มีอำนาจและเป็นการทุจริตโดยขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ตรารับรองฮาลาลเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ขอให้เพิกถอนเครื่องหมายฮาลาลดังกล่าวออกจากสินค้าทั่วราชอาณาจักร และขอให้เรียกเก็บคืนสินค้าฮาลาลทั้งหมดออกจากตลาดภายในเวลา 3 เดือน รวมทั้งขอให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ผลิตสินค้าผู้ประกอบการหรือผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายตลอดระยะเวลาที่กระทำความผิดพร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันมีการออกระเบียบโดยมิชอบ และขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามมิให้ใช้เครื่องหมายฮาลาลจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

นายจรูญ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา โดยให้เหตุผลว่า ไม่ใช่คำสั่งทางปกครอง แต่เป็นคำสั่งทางศาสนา ตนจึงได้ยื่นฟ้องอุทธรณ์ต่อ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่าอยู่ในอำนาจของศาลปกครอง แต่ผู้ฟ้องไม่มีสิทธิ์ฟ้องตามมาตรา 42 เพราะไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง จึงเห็นว่าเป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมาตรา 42 กำหนดว่า ผู้ใดได้รับความเดือดร้อนเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ อันเนื่องมาจากกระทำของหน่วยงานทางปกครอง ผู้นั้นมีสิทธิ์ฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ ซึ่งตนเป็นผู้เสียหายโดยตรงที่เป็นผู้บริโภคสินค้าที่มีตราฮาลาล ที่ผู้ประกอบการได้รวมค่าธรรมเนียมตราฮาลาลในต้นทุนการผลิตแล้ว โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จึงถือได้ว่าการไม่รับคำร้องดังกล่าวเพื่อพิจารณา ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนคนไทยทุกคน และหน่วยงานรัฐกว่าหมื่นล้านบาท

ด้านพนักงานสอบสวนตรวจสอบเอกสารและข้อมูลแล้ว พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์การรับคดีของกองปราบปราม.