ที่ไม่สบายใจที่สุดคือท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า จะมีส่วนร่วมในการคัดตัวรัฐมนตรีจากพรรคต่างๆ ซึ่งคิดว่าเป็นก้าวก่าย ครอบงำ ชี้นำพรรคร่วมรัฐบาล
นายเทพไท เสนพงศ์ สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุที่พรรคประชาธิปัตย์ เลื่อนการประชุมเรื่องการพิจารณาเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมรัฐบาลว่า เป็นปัญหาภายในของพรรคพลังประชารัฐ ไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์เพราะพรรคพลังประชารัฐไม่มีความชัดเจนในตัวเอง ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงไม่สามารถให้คำตอบกับเงื่อนไขที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอได้ แต่ที่ตนเองไม่สบายใจที่สุดคือท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า จะมีส่วนร่วมในการคัดตัวรัฐมนตรีจากพรรคต่างๆ ซึ่งคิดว่าเป็นก้าวก่าย ครอบงำ ชี้นำพรรคร่วมรัฐบาล จึงไม่เห็นด้วยกับท่าทีแบบนี้รวมถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่าเงื่อนไขการแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่เงื่อนไขการร่วมรัฐบาล
“เราจึงมีมติให้เลขาธิการพรรคไปประสานงานพูดคุยกับแกนนำพรรคพลังประชารัฐว่าหากจะให้พรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย แต่พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย จะให้พวกผมเข้าใจว่าอย่างไร แสดงว่าเขากำลังปฏิเสธข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมดใช่หรือไม่ จึงอยากให้ประชาชนจับตามองว่าเกมต่อไปของการจัดตั้งรัฐบาลจขั้วพลังประชารัฐจะเป็นอย่างไรต่อไป ความผิดทั้งหมดไม่ใช่ของประชาธิปัตย์ แต่เป็นของแกนนำตั้งรัฐบาลที่มีปัญหาภายในพรรคตัวเอง”นายเทพไท กล่าวย้ำ
ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้นัดประชุมกรรมการบริหารและส.ส.ของพรรคในเวลา 17.00 น. แต่ปรากฎว่าทางคณะกก.บห.และแกนนำพรรคได้ติดตามการให้สัมภาษณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ หลังการประชุมครม. โดยเฉพาะในประเด็นที่พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่าเงื่อนไขการขอแก้รัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์ในการร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่เงื่อนไขกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รวมถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่าจะขอเป็นคนตรวจรายชื่อครม.ที่จะร่วมรัฐบาลในอนาคตด้วยตนเอง จึงทำให้คณะผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์นั่งวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว จนเป็นเหตุให้การประชุมล่าช้ากว่า1ชั่วโมง
อย่างไรก็ตามเมื่อเริ่มประชุมเมื่อเวลา 18.10 น. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค และในฐานะผู้ได้รับมอบหมายจาก กก.บห.พรรคให้ไปประสานเจรจากับพรรคการเมืองต่างๆได้แจ้งต่อที่ประชุมกก.บห.ว่า ขอเลื่อนการประชุมร่วมของพรรคออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด เป็นเหตุให้ส.ส.หลายคนที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุต่างสอบถามถึงที่มาที่ไปของการเลื่อนดังกล่าว
ขณะที่กลุ่มกก.บห.พรรคที่รู้สาเหตุถึงการผิดเงือนไขต่างตั้งวงจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ โดยกก.บห.และส.ส.หลายคนต่างเห็นพ้องว่า หากพรรคพลังประชารัฐไม่มีเอกภาพและไม่รักษาคำพูด บิดพริ้วข้อตกลงโดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นประเด็นหลักและเป็นมติของพรรคประชาธิปัตย์ก็คงจะร่วมงานกันไม่ได้ เช่นเดียวกับการเสียมารยาททางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ที่ถือวิสาสะทุบโต๊ะจะขอตรวจรายชื่อของพรรคการเมืองต่างๆ ทั้งที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน แต่มาจากการยึดอำนาจและทำทุกวิถีทางเพื่อสืบสานอำนาจต่อ หากเป็นเช่นนี้ส.ส.ส่วนใหญ่ที่คิดว่าจะโหวตร่วมรัฐบาลก็จะทบทวนท่าทีที่จะร่วมรัฐบาลต่อไป
