วันที่ 3 เม.ย. 2562 ความคืบหน้าจาการที่ผู้ป่วยโรคมะเร็งแล้วขอเข้ารับการรักษาจากแพทย์แผนปัจจุบัน แล้วไม่สารารถที่จะรักษาโรคร้ายต่างๆได้ ทุกคนสิ้นหวังนับถอยหลังรอวันตาย แต่แล้วจู่ๆชีวิตก็มีความหวังอีกครั้ง เมื่อหมอกัญชาที่ใช้นามแฝงว่า “นายอำนาจ เสริมมงคล”และกลุ่มเพื่อนๆได้รวมตัวกันทำน้ำมันกัญชาเป็นแคปซูลออกแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งและโรคร้ายอื่นๆ ได้นำไปกินเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า น้ำมันกัญชาแคปซูล ได้กินแล้วรักษาโรคมะเร็ง และโรคอื่นๆ ได้จริง
หลังจากที่เป็นข่าวเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่า วัดป่าวชิรโพธิญาณ ตำบลท้ายน้ำ อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ได้ถูกฝ่ายปกครอง ปปส.ภาค 6 ตำรวจจาก สภ.โพทะเล เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณะสุขจังหวัดพิจิตร ได้บุกเข้าไปที่วัดดังกล่าวแล้วสอบสวนหลวงพ่อธวัชชัย ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสเพื่อทำการสอบสวนที่ไปที่มาของการดำเนินการดังกล่าว แต่มิได้จับกุมหรือแจ้งข้อหาดำเนินคดีแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าคงอยู่ในช่วงสืบสวนสอบสวน
ล่าสุด นายจักรภฤต บรรเจิดกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำจิตสาธารณะที่เป็นผู้ขับเคลื่อนเรื่องน้ำมันกัญชา ได้เข้ารายงานตัวกับ พล.ต.ต.ธวัชชัย มวญนรา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร เพื่อแสดงตนและแสดงความรับผิดชอบ โดยได้เข้าให้ข้อมูล ว่า ตนเองได้รับแคปซูลยามาจากเพื่อนซึ่งบอกว่าเป็นยารักษาโรคมะเร็งทำจากเกสรดอกไม้หลายชนิดที่ผสมกับน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ซึ่งตนเองได้ทดลองกินเพื่อรักษาโรคอาการนอนไม่หลับกินแล้วได้ผลดี จากนั้นก็บอกเพื่อนฝูงและเครือญาติที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคภูมิแพ้ ฯลฯ ให้ได้ลองกิน ซึ่งไม่รู้ว่าภายในแคปซูลนั้นคือ น้ำมันกัญชา รู้แต่ว่ากินแล้วง่วงนอนหลับสบายรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ เมื่อเห็นว่ามีประโยชน์จึงไปขอจากเพื่อนำมาแจกที่วัดดังกล่าว จนกลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ซึ่งเมื่อตำรวจบอกว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายต่อไปตนเองและเพื่อนๆที่มีจิตสาธารณะแจกสมุนไพรดังกล่าวนี้ ก็คงต้องเลิกแจกเพราะตำรวจบอกว่าถ้าเจอจะต้องถูกจับเพราะในแคปซูลมีส่วนผสมของกัญชา ซึ่งถือเป็นยาเสพติดให้โทษ เนื่องจากกฎหมายยังไม่เปิดให้ใช้น้ำมันกัญชา หรือปลูกกัญชาเพื่อรักษาโรคภัยได้อย่างที่หลายคนใฝ่ฝัน
ในส่วนของ พล.ต.ต.ธวัชชัย มวญนรา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร ได้กล่าวว่า เรื่องของน้ำมันกัญชาที่มีผู้ใดทำแจกก็ถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายลูกยังไม่ออกมารองรับรวมถึงยังไม่มีกฎกระทรวงให้ใช้ หรือผลิตในทางการแพทย์ได้อย่างเสรียังคงต้องอยู่ในการควบคุม ดังนั้นจึงได้แจ้ง กับ นายจักรภฤต บรรเจิดกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำจิตสาธารณะที่เป็นผู้ขับเคลื่อนเรื่องน้ำมันกัญชา ว่า ขอให้หยุดพฤติกรรมการแจกน้ำมันกัญชาแคปซูล เพราะการแจกน้ำมันกัญชา ซึ่งยังถือว่าเป็นยาเสพติดให้โทษ การแจกยาเสพติดมีโทษเท่ากับการจำหน่ายด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แต่ในส่วนที่ว่า ผู้ใดไปจดแจ้งตามบทนิรโทษกรรมที่มีเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีกัญชาในครอบครองอยู่เดิมใช้ในทางการแพทย์ โดยสามารถแจ้งขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือในต่างจังหวัดแจ้งขออนุญาตได้ที่สาธารณสุขจังหวัดเท่านั้น และต้องแจ้งภายใน 90 วัน ( ภายในวันที่ 19 พฤษภาคม 2562 ) แต่ไม่หมายถึงว่าเปิดให้บุคคล หน่วยงาน องค์กรผลิต นำเข้าส่งออก จำหน่าย ครอบครองหรือเสพได้ เพราะการกระทำความผิดดังกล่าวนั้น มีโทษทั้งจำและปรับ ซึ่งหากผู้ป่วยหากต้องการใช้กัญชาเพื่อการบำบัดรักษาโรคให้ไปพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและวินิจฉัยหรือสั่งใช้กัญชาหรือสารสกัดเพื่อการบำบัดรักษาโรค ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์และใช้ได้โดยไม่เป็นความผิดตามกฎหมายดังกล่าว อีกด้วย
โดยสรุปความฝันของผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งที่หวังพึ่งน้ำมันกัญชาคงต้องดับวูบลงเมื่อมีข้อกฎหมายเป็นอุปสรรค อีกทั้งกลุ่มผู้ที่ทำสมุนไพรน้ำมันกัญชาเพื่อแจกจ่ายก็หวั่นเกรงว่าจะถูกจับ จึงประกาศขอหยุดแจกน้ำมันกัญชาเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บไปอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าจะมีกฎหมายรองรับ
ภาพ/ข่าว สิทธิพจน์ พิจิตร /ข่าวชัดออนไลน์