เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่หาเสียง โค้งสุดท้ายที่จังหวัดร้อยเอ็ด มั่นใจ ได้สส.ในภาคสานมากที่สุดในรอบ 10 ปีของการเลือกตั้ง
ที่ จ.ร้อยเอ็ด วันที่ 18 มี.ค. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เปิดศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นางจุรีพร สินธุไพร นายเวียง วรเชษฐ์ ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และผู้สมัครส.ส.เขตทั้ง 7 เขตในจังหวัดร้อยเอ็ด และประชาชนรอให้การต้อนรับ และฟังการปราศรัยนับพันคน
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า วันนี้ตนมาร้อยเอ็ดมั่นใจว่ากระแสพรรคเราในจังหวัดร้อยเอ็ดกำลังดีขึ้นมาก จนเป็นที่หวั่นเกรง ของผู้สมัคร จากพรรคอื่น และมั่นใจว่าพรรคเราจะสามารถยึดพื้นที่ได้มากพอสมควร และอาจเป็นครั้งแรกในรอบ 10 กว่าปี ที่จะมายึดพื้นที่ในภาคอีสานได้ที่นั่ง สส.มากที่สุดเท่าที่มีการเลือกตั้งมา
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ช่วง โค้งสุดท้ายเราต้องจับตาดูทุกเรื่อง สิ่งที่ต้องติดตามคือ ดูความเคลื่อนไหวทุกเรื่องเช่นกัน ซึ่งเรามีจุดยืนและมีการนำเสนอนโยบายอย่างเข้มข้นใน 7 วันสุดท้ายเช่นกัน
ส่วนกรณีพรรคพลังประชารัฐ ถูกโจมตีว่าเป็นพรรคเผด็จการ นั้น นายสนธิรัตน์ บอกว่า เป็นการสร้างวาทกรรมทางการเมือง เป็นการพยายามแยกส่วน เพื่อให้พรรคตนเองได้เปรียบทางการเมือง และไม่มีเผด็จการใด ที่เกิดขึ้นจากการลงคะแนนของพี่น้องประชาชน เพราะถ้าหากขาดเสียงและการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ฉะนั้นผู้ ตัดสินใจจึงเป็นพี่น้องประชาชน ถ้าประชาชนรู้ เท่าทัน ก็จะตัดสินใจได้ว่าเผด็จการที่แท้จริงไม่มี เราเป็นพรรคการเมืองที่ เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง และน้อมรับการตัดสินใจของประชาชน จึงอยากให้พี่น้องประชาชนเข้าใจทั่วกันว่าเผด็จการเป็นเพียงวาทกรรมทางการเมืองเท่านั้น
“วันนี้บ้านเมืองมีการกำลังจะเลือกตั้ง ปรากฏว่า บ้านเมืองเริ่มทำท่าไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี เพราะปัจจุบัน การเมืองแบ่งออกเป็นสามก๊ก ก๊กแรกจะเป็น ก๊กเพื่อไทย ก๊กที่ 2 คือก๊กประชาธิปัตย์ และก๊กที่สาม คือพลังประชารัฐ อย่างกกที่ 2 อยู่ดีๆก็ประกาศว่า ถ้าเขาเป็นแกนนำเขาจะไม่เอา พลเอกประยุทธ์ แต่จะเอาพลังประชารัฐ มาเป็นมาร่วมรัฐบาล ผมก็งงๆ
วันนี้บอกเลยว่าก๊กแรก ยังไงก็ไม่ได้เป็นรัฐบาลเพราะเสียงไม่พอ ก๊กที่ 2 ความจริงแล้วเขาก็เป็นพรรคที่มีแนวโน้มที่จะมาจับมือกับพลังประชารัฐไปเป็นรัฐบาล การเลือกตั้งที่ผ่านๆมา จะเห็นว่าก๊กแรกและก๊กที่ 2 ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ มาตลอด สุดท้ายก็เกิดการแบ่งฝ่ายแบ่งสี เกิดความวุ่นวาย จนพลเอกประยุทธ์ต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์จนบ้านเมืองสงบและกำลังแก้ปัญหาต่างๆให้ดีขึ้น
ดังนั้นหากพี่น้องประชาชนอยากเห็นประเทศสงบและเดินหน้าต่อไปต้องสนับสนุน และเลือกผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐในทุกเขต เพื่อจัดตั้งรัฐบาล สานต่อนโยบายต่างๆตามนโยบายของพรรคต่อไป” เลขาธิการพรรค พปชร. ระบุ
จากนั้นเลขาธิการพรรคได้ไปขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วย นางสาวตวงรัตน์ วงศ์เวไนย ผู้สมัคร สส.ร้อยเอ็ด เขต 4 ที่ อ.เสลภูมิ และนายสานิต ว่องสัธนพงษ์ ผู้สมัคร สส. ร้อยเอ็ดเขต 1 ช่วงค่ำวันเดียวกัน