‘จตุพร’ชี้เลือกตั้งโมฆะ จากปัญหาคุณสมบัติ’บิ๊กตู่’-ให้ผู้สมัครทำใจพรรคเงินน้อย

แกนนำเพื่อชาติ รวมหาตัวปราศรัย หลังมีปัญหาความขัดแย้งในพรรค ให้ผู้สมัครทำใจ พรรคมีเงินน้อย หวั่นเลือกตั้งเป็นโมฆะจากปัญหาคุณสมบัติ ‘บิ๊กตู่’ -กตต.ติดคุกซ้ำรอยชุดวาสนา

ปล่อยเสียง จตุพร กกต.ติดคุก

วันที่ 3 มีนาคม พรรคเพื่อชาติ ได้จัดปราศรัยใหญ่ ณ ลานคนเมือง โดยมีแกนนำพรรค อาทิ นายสงคราม เลิศกิจไพโรจน์ หัวหน้าพรรค นายจตุพร พรหมพันธ์ ผู้ช่วยหาเสียงของพรรค นายยงยุทธฺ ติยะไพรัช ผู้ช่วยหาเสียง เป็นการรวมกันของ 3 แกนนำ หลังจากก่อนหน้านี้ มีข่าวระบุว่า มีการปัญหาขัดแย้งภายใน และมีการแยกกันหาเสียง โดยมีบรรดาแกนนำพรรค ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ และผู้สมัครส.ส.กทม. 30 เขต เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง มีประชาชนเข้าร่วมรับฟังหลายพันคน

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง พรรคเพื่อชาติ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนกรณีนายสมชาย เพศประเสริฐ ลาออกจากรองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ระบุว่า อันเนื่องจากปัญหาภายในพรรคว่า การที่กรรมการบริหารพรรคลาออก เราต้องเคารพการตัดสินใจ ที่เหลือต่อจากนี้ ต้องยืนขึ้นให้ได้เพื่อก้าวต่อไปข้างหน้าในระยะเวลาที่เหลืออีกเพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น ยอมรับความจริงให้ได้ ส่วนกรณีการปล่อยข่าวลือการซื้อขายลำดับส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อชาตินั้น ทุก ๆ พรรคย่อมมีความไม่พอใจในเรื่องบัญชีรายชื่อ ก็ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา บวกกับความเดือดร้อนในพรรคเพื่อชาติ ซึ่งไม่มีงบประมาณอย่างที่คนเข้าใจ จะให้ผู้สมัครมากที่สุด 1 แสนบาท รองลงมา 7 หมื่น รองลงมาอีก 5 หมื่นบาท มีพรรคการเมืองไหน พรรคเล็กกว่านี้ยังจ่ายมากกว่านี้เลย

‘ดังนั้น ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ว่าถ้าเกิดตรวจพบ ผมเดินถอยหลังออกทันที ไม่มีวันไปผสมผสานเป็นอันขาด ผมมีจุดยืนชัดเจนอยู่แล้ว’ นายจตุพร กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐวางตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ลงพื้นที่หาเสียงนั้น นายจตุพรมองว่า ตนแปลกใจว่า วันนี้ สิ่งที่กกต.ควรทำเป็นสิ่งแรก ไม่ใช่บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์สามารถไปหาเสียงเลือกตั้งได้ ปกติคนที่อยู่บัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี เป็นหน้าที่ที่ต้องไปหาเสียงอยู่แล้ว ไปกินแรงคนอื่นได้ยังไง คนอื่นไปหาเสียงกันหนัก ตัวเองกลับนั่งอยู่ในทำเนียบรัฐบาลได้ยังไง ไม่ใช่เรื่องน่าดีใจแต่เป็นความประหลาดตรงที่ แทนที่จะวินิจฉัยเรื่องความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก่อน แล้ว ณ ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกก็สายไปเสียแล้ว ถือว่าความผิดนั้นได้กระทำสำเร็จแล้ว วันนี้ถามว่าคนไทยรู้สึกอย่างไรว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ท่านเชื่อจริงไหม ถามเจ้าหน้าที่ตำรวจในโรงพักเป็นเจ้าหน้าที่รัฐไหม ถ้าตำรวจในโรงพักเป็นเจ้าหน้าที่รัฐฉันใด พล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นเจ้าหน้าที่รัฐฉันนั้น

แต่วันนี้บอกพลเอกประยุทธ์เป็นบุคคลสาธารณะ บุคคลสาธารณะที่ไหนไปออกคำสั่งให้ข้าราชการปฏิบัติตาม บุคคลสาธารณะไปใช้พระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างไร เพราะฉะนั้น การที่วันนี้สังคมไทยกำลังสับสน การที่บอกว่าสามารถหาเสียงได้ ไปดีใจในเรื่องที่ควรไม่ดีใจ แต่ผมได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า พรรคพลังประชารัฐแพ้ ซึ่งผมเชื่อว่าแพ้ เงื่อนไขการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของพล.อ.ประยุทธ์นี่แหละจะถูกหยิบยกมาให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ

ครั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ต้องดู 4 รัฐมนตรี ทำไมไม่สามารถลงส.ส.ได้แม้แต่เพียงคนเดียว แล้วทำไมพล.อ.ประยุทธ์ไปอยู่ในบัญชีนายกพรคพลังประชารัฐได้ รัฐธรรมนูญ ถูกเขียนล็อกหน้าล็อกหลัง ท้ายที่สุดตัวเองกลับไปติดกับตัวเอง พูดง่ายคือไปเหยียบเปลือกกล้วยที่ตัวเองกินแล้วทิ้งขว้าง หากปล่อยให้การเลือกตั้งเดินมาถึงวันที่ 24 มีนาคม 2562 ท้ายที่สุด การเลือกตั้งก็จะเป็นโมฆะ และกกต.ก็ติดคุก นี่จะเป็นเรื่องใหญ่