เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat (ดร.ธรณ์ ธำรงค์นาวาสวัสดิ์) ได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า
วาฬสเปิร์มคือนักล่าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อเต็มวัยตัวยาวกว่าฉลามขาว 4 เท่า หนักกว่าเสือโคร่ง 190 เท่าอาหารหลักของวาฬสเปิร์มคือหมึกกล้วยยักษ์ อาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลลึก การต่อสู้ระหว่างวาฬสเปิร์มกับหมึกกล้วยยักษ์ คือการต่อสู้แบบตัวต่อตัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนดาวเคราะห์สีครามดวงนี้
แต่วันนี้การต่อสู้ไม่เกิด นักล่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลก กลับจบสิ้นชีวิตลงเพราะแก้วพลาสติก วาฬสเปิร์มตัวนั้นเป็นแค่วัยรุ่น เธอยังไม่สมควรตาย แต่เธอตายเพราะขยะเต็มท้อง พลาสติกที่มาจากมือของพวกเรา
80% ของขยะทะเลมาจากแผ่นดิน ไหลตามแม่น้ำลำคลอง ก่อนลงสู่ท้องทะเล
สัตว์ทะเลไม่ได้วิวัฒนการมาเพื่อแยกขยะของมนุษย์ออกจากอาหารตามธรรมชาติ
นักวิทยาศาสตร์คาดว่าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ ภายในปี 2050 ในมหาสมุทรจะมีขยะพลาสติกน้ำหนักรวมกันมากกว่าปลา พลาสติกสลายเป็นไมโครและนาโนพลาสติก เข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร และปนเปื้อนเกลือ
ไม่มีใครหลีกเลี่ยงการกินเกลือจากทะเลได้
องค์การอนามัยโลกเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดจากไมโครพลาสติกปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกาย
เราไม่ใช่แค่กำลังฆ่าวาฬ แต่เรากำลังสร้างปัญหาใหญ่ที่แก้ไขไม่ได้กับตัวเราและลูกหลานเรา
จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีการใดเก็บขยะจากทะเลหรือทำความสะอาดมหาสมุทรอย่างเห็นผลชัดเจนได้
คลิปในยูทูป เป็นการทดลอง การโชว์ มีอยู่มากมาย แต่ไหนล่ะสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ?
ถ้ามีจริง ทำไมสหภาพยุโรปถึงต้องลงมติแบนพลาสติกใช้แล้วทิ้งในอีก 3 ปีข้างหน้า
ไม่มีฮีโร่คนไหน ในนิทาน นิยาย การ์ตูน หรือหนังเรื่องใด มาโชว์พาวเวอร์โดยเก็บขยะให้เรา
ทุกอย่างอยู่ที่เรา และการตัดสินใจของเราในวันนี้
compassion or convenience ?
เมตตาสงสารสัตว์โลก หรือจะใช้ความสะดวกสบายของเราเป็นที่ตั้ง ?
เชื่อว่าเพื่อนธรณ์เลือกได้แน่นอน
เลือกตัดสินใจที่จะรับผิดชอบต่อขยะที่เราจะทำให้เกิด
ลด ละ เลิก เปลี่ยน เพื่อความสะอาดของทะเล เพื่อสุขภาพของเราและลูกหลาน
เพื่อให้วาฬไม่ต้องตายอย่างทรมานและไร้ค่า
ทุกการกระทำมีความหมาย ทุกคนล้วนช่วยทะเลได้
เพราะ #everypiececounts