ปฏิบัติการสังหารนักข่าววอชิงตันโพสต์ เป็นไปอย่างโหดเหี้ยวมือสังหาร 15 คน รุมฆ่า ชำแหละร่างทั้งที่ยังมีลมหายใจ ปฏิเสธบัน วัลมาน เป็นคนสั่ง
การหายตัวไปของ คาช็อกกี อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งในซาอุดิอาระเบีย และนักข่าวของวอชิงตันโพสต์ ขณะเข้าไปทำเอกสารในสถานกงสุลซาอุฯในอิสตัลบูล ของตุรกี ที่นำไปสู่การสอบสวนจนเป็นที่ชัดเจนว่า เขาถูกสังหารเสียชีวิต
คาช็อคกี้ ถูกคนในราชวงศ์ซาอุฯ วางแผนให้ล่อลวงออจากบ้านพักในสหรัฐฯ มายังตุรกี และเขาได้เข้าไปขอเอกสารของทางราชการ และได้หายตัวไป
รายงานข่าวแจ้งว่า หน่วยสังหารนายคาช็อคกี้ 15 คน เดินทางจากซาอุฯ มายังตุรกี เพื่อสังหารนายคาช็อคกี้ นำโดยผู้อำนวยการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ด้วยเครื่องบินส่วนตัว 2 ลำ โดยผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า หลังนายคาช็อคกี้เดินทางเข้าไปยังสถานกงศุล เขาได้ถูกล็อคตัวทันที และถูกนำไปยังห้องถัดไป หลังจากนั้น ได้มีผู้ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเขา ก่อนที่จะถูกฉีดยาพิษ และในขณะที่เขายังมีลมหายใจอยู่ทีมสังหารได้ชำแหละร่างของเขาเพื่อทำลายหลักฐาน ซึ่งไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า ชิ้นส่วนร่างกายของนายคาช็อคกี้ถูกนำไปทำลายที่ใด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของตุรกีได้เข้าไปตรวจสอบ 2 ครั้ง แต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดออกมา
คาช็อคกี้ หลบหนีออกจากซาอุฯ จากการที่เขาได้วิพากษ์วิจารณ์มกุฎราชกุมารบิน ซัลมาน ทำให้ไม่มีความปลอดภัยในการอยู่ที่ซาอุฯ แต่เขายังเขียนบทความลงในวอชิงตันโพสต์ วิพากษ์วิจารณ์บิน ซัลมาน อย่างต่อเนื่อง สุดท้ายถูกทำให้หายตัวไป เหมือนบุคคลในราชวงศ์ที่หายตัวไปก่อนหน้านี้
ทีมสังหาร 15 คน ได้ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวกลับซาอุฯทันที หลังการฆาตกรรมนายคาช็อคกี้ มีการทาสีสถานกงสุลใหม่ เพื่อทำลายหลักฐาน ขณะที่กงสุล ถูกนำตัวออกไปยังสถานที่อื่น และเดินทางกลับซาอุฯ ในวันถัดมา
สหรัฐฯ ได้ออกมากกดันซาอุฯ ในปฏิบัติการดังกล่าว โดยขู่ว่า จะแซงชั่น แต่ซาอุฯได้ขู่กลับว่า สหรัฐฯ จะยากลำบาก หากกระทำกับประเทศที่ผลิตน้ำมันได้มากที่สุดในโลก แต่เป็นการสร้างแรงกดดันจนซาอุฯ ยอมให้ทางการตุรกีเข้าไปตรวจสอบหลักฐาน และยอมรับการสังหารนายคาช็อคกี้ แต่ปฏิเสธว่า บินซัลมาน ไม่มีส่วนรู้เห็น