หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยแถลงแนวคิด 9 ข้อ นำไปสู่นโยบายพรรคในอนาคต โดยดึงผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขา มาเป็นคณะทำงาน ‘ทอม เครือโสภณ’-‘ดร.เศรษฐพงค์’ เน้นการลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชนเพื่อแก้ปัญหาปากท้องประชาชน
วันที่ 12 ตุลาคม เวลา 10.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้แถลงแนวคิดเกี่ยวกับนโยบายพรรคภูมิใจไทย พร้อมทั้งเปิดตัวผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้านมาร่วมกำหนดแนวนโยบาย ประกอบด้วย พันเอก ดร.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ อดีตรองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ซึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่โฆษกพรรค ดร.พะโยม ชินวงศ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ดูแลนโยบายด้านการศึกษา นายจุลภาส ทอม เครือโสภณ ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจระหว่างประเทศ อดีตกรรมการบริษัท Thai Air asia -Xอดีตทีมรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บิล คลินตัน เข้ามาดูแลด้านการท่องเที่ยว นพ.สำเริง แหยงกระโทก อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ผู้เชี่ยวชาญระบบสาธารณสุข และศูนย์สุขภาพชุมชน ดูแลนโยบายด้านสาธารณสุข โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคร่วมแถลงด้วย
ในการแถลง หัวหน้าพรรคภูมิใจไทบ ได้เน้นแนวคิด 5 ด้าน ประกอบด้วย แนวคิดด้านการศึกษา ด้านการเกษตร ด้านการท่องเที่ยวและบริการ ด้านสาธารณสุข และด้านพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยแบ่งเป็นแนวคิดย่อย ประกอบด้วย แนวคิดพักหนี้กยศ.5 ปี ปลดภาระผู้ค้ำประกัน เรียนฟรีตลอดชีวิต ผลประโยชน์แบ่งปัน พืชพลังงานทดแทน เขตพัฒนาพิเศษ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช้บุรีรัมย์โมเดล ขับเคลื่อนการท่องเที่ยว ใช้ดิจิตอล นำไทยก้าวให้ทันโลก เศรษบกิจแบบแบ่งปัน และอสม.หมอประจำครอบครัว
‘หลังจากได้มีการเลือกหัวหน้าและคณะกรรมการบริหารพรรค เราก็ไปคิดแนวทางที่จะแก้ปัญหาประเทศชาติและปัญหาของพี่น้องประชาชน จึงได้พยายามสร้างทีมงาน เพื่อนำแนวคิด ไปทำให้เป็นจริง ไปประชับให้เกิดเป็นนโยบายของพรรค เมื่อถึงเวลาที่พรรคจะสามารถประกาศนโนยบายเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งตามสโลแกนของพรรค จากนี้เป็นต้นไป ถือเป็นยุคที่จะก้าวไปข้างหน้า ไม่มองข้างหลัง ไม่สนใจว่า อะไรเกิดขึ้นในอดีต มีความเจ็บปวดอย่างไร มีความขัดแย้งอย่างไร หมดเวลาที่จะพูดความขัดแย้งแตกต่างแล้ว พูดแต่เรื่องข้างหน้า สมาชิกของพรรค จะต้องรับแนวคิดนี้ไปคือ การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ปัญหาของประชาชนมาจุดเริ่มมาจากที่เดียวคือ งินไม่มี ท้องไม่อิ่ม เราต้องไปแก้ปัญหาที่จุดเริ่มต้นเลยดีกว่า ซึ่งถ้าแก้ปัญหาได้ ก็จะเกิดความสุข ความสามัคคี และทุกด้าน ต่อไปนี้ ถ้าไม่จำเป็นพรรคจะไม่พูดเรื่องการเมือง แต่พูดถึงการแก้ปัญหาปากท้องประชาชน เริ่มจากการทำให้เกิดความสะดวก สบาย และรวดเร็ว คือ ลดอำนาจรัฐ และเพิ่มอำนาจประชาชน การลดอำนาจรัฐไม่ใช่ไปลดอำนาจ หรือpoewr แต่ไปลดขั้นตอน ที่ทำให้เดิกความล่าช้า ที่ติดที่กฎระเบียบที่กว่าประชาชนจะไดก็สายเกินๆไปแล้ว ซึ่งแนวคิดในการแก้ปัญหาเหล่านี้ ได้คุยกับทีมงาน และได้ไปติดต่อเข้ามาเป็นทีมงานเข้ามาช่วย ทำให้บังเกิดความเป็นจริงให้ได้’ นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า การลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน คือ การลดอำนาจรัฐ และเพิ่มอำนาจประชาชน ในเรื่องการทำมาหากิน การประกอบอาชีพ การประกอบธุรกิจ เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ของประชาชน และภาคเอกชน รัฐต้องลดอำนาจ เลิกใช้อำนาจที่เป็นอุปสรรค ขัดขวาง สร้างความไม่สะดวก และความล่าช้าต่างๆ เช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ภารกิจที่จะลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน ในเรื่องการประกอบอาชีพ หารายได้ เป็นเรื่องที่ตน จะรับหน้าที่เอง ในฐานะที่เคยเป็นผู้ประกอบการภาคเอกชน และเห็นปัญหานี้มาตลอด ซึ่งสิ่งที่ผมนำเสนอหลายเรื่องรัฐไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องใช้งบประมาณ และช่วยลดงบประมาณให้รัฐ ด้วย ประกอบด้วย
แนวคิดดิจิตอล เวิลด์
เป็นที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบัน โลกก้าวเข้าสู่ยุคตดิจิตอลแล้ว การนำประเทศไทย ก้าวเข้าสู่โลกยุคดิจิตอล อย่างรู้เท่าทัน และใช้ประโยชน์จากดิจิตอลได้อย่างเต็มที่ เปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิ เสรีภาพในการประกอบอาชีพ สร้างงาน รูปแบบใหม่ๆ มีโอกาสสร้างเงิน สร้างรายได้ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้แก่ตัวเอง เป็นเรื่องเร่งด่วนลำดับที่สอง ที่เราต้องทำ ภารกิจนำประเทศไทยคนไทยก้าวเข้าสู่โลกยุคดิจิตอลและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิตอลนี้ ได้มอบหมายให้ พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ อดีตรองประธานกสทช. ซึ่งมีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์ เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและนานาชาติ มารับผิดชอบภารกิจนี้ และเป็นโฆษกพรรคด้วย
‘ถึงเวลาที่เราจะต้องใช้เทคโนโลยีดิจิตอลเชื่อมโยงการทำงานของรัฐ ทุกแพลตฟอร์ม ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อการให้บริการประชาชน อย่างรวดเร็ว เราจะเปิดโอกาสการทำธุรกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพ ด้วยเทคโนโลยีระบบดิจิตอล ให้เป็นธุรกิจ เป็นการประกอบอาชีพที่ถูกต้องตามกฎหมาย ให้มากที่สุด’
แนวคิดด้านการศึกษา
เมื่อเราจะนำพาคนไทยเข้าสู่โลกดิจิตอล สิ่งที่เราต้องทำก็คือ การสร้างคนไทยให้มีองค์ความรู้ มีการศึกษาที่จะพัฒนาตัวเอง แนวคิดด้านการศึกษา จึงเป็นเรื่องที่ผมให้ความสนใจสูงสุด
สึนามิ ดิจิตอล กำลังมา เราต้องเตรียมความพร้อมให้คนไทย เอาชีวิตรอดในการเปลี่ยน แปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น ภารกิจด้านการศึกษา เราจะทำ 2 เรื่องหลัก แก้ปัญหาเก่า และ สร้างทางเลือกใหม่ คือ
- ปรับโครงสร้างหนี้กยศ. ซึ่งมีผู้กู้ 5 ล้านคน มีผู้ค้ำประกัน 10 ล้านคน มีหนี้อยู่ 4 แสนล้านบาท“เรียน
จบมีหนี้สินล้นพ้นตัว” แล้วไม่มีงานทำ เพราะตลาดงานเปลี่ยนไป เพราะมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาทดแทนคนงาน ซึ่งจะมีมากขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อลดภาระของประชากรวัยเริ่มต้นทำงาน พรรคภูมิใจไทย มีแนวคิดที่จะทำ 5 เรื่อง
@ ปลดภาระผู้ค้ำประกันทันที เรื่องนี้จะต้องมีการแก้ระเบียบการกู้ยืมของกยศ.
@ พักหนี้ กยศ. 5 ปี เพื่อให้นักเรียนนักศึกษา ที่จบการศึกษา มีเวลาตั้งหลักเพิ่มขึ้น ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีคนตกงานเพราะหุ่นยนต์ และ AI มาแทนที่ เป็นจำนวนมาก
@ นำภาษีที่ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น VAT มาเป็นส่วนลดหย่อนเงินกู้กยศ.
@ นำผลการเรียน เช่น คะแนนดีระดับเกียรตินิยม มาเป็นส่วนลดหย่อนเงินกู้กยศ.
@ นำชั่วโมงทำงานจิตอาสา มาเป็นส่วนลดหย่อนเงินกู้กยศ.
- สร้างการศึกษารูปแบบใหม่ เปิดโอกาสให้ทุกคน ได้เรียนฟรีด้วยระบบออนไลน์ ตั้งแต่ประถมศึกษาถึงอุดมศึกษา ด้วยสถาบันการศึกษาออนไลน์ “THAILAND SHARING UNIVERSITY”เป็นคลังแห่งองค์ความรู้ทุกสาขา ที่จะมีการแลกเปลี่ยนกับทุกสถาบันการศึกษาทั่วประเทศและทั่วโลก เพื่อให้คนไทยเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม ทั่วถึง เป็นธรรม และไม่มีค่าใช้จ่าย และเป็นสถาบันการศึกษา ที่ทุกคน สามารถเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มเติม องค์ความรู้ใหม่ๆ ให้แก่ตัวเอง ได้ตลอดเวลา
ภารกิจด้านการศึกษานี้ ได้เชิญ ดร.พโยม ชินวงศ์ อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาภาคเอกชนมาเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจ เห็นปัญหาการศึกษาของประเทศไทย มาอย่างถ่องแท้ และเห็นตรงกันกับผมว่า เราต้องสร้างการศึกษาทางเลือก รูปแบบใหม่ โดยใช้ ดิจิตอลแพลตฟอร์ม เป็นเครื่องมือ ให้คนเข้าถึงการศึกษา ได้มากที่สุด โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด
แนวคิดด้านการเกษตร
ปัญหาใหญ่ที่มีมาอย่างยาวนานของสังคมไทย คือ เกษตรกร เป็นกลุ่มคนที่มีการลงทุนมากที่สุด เหนื่อยที่สุด แต่ขาดทุนมากที่สุด จนมากที่สุดในประเทศไทย
พรรคภูมิใจไทย มีแนวคิดที่จะสร้างระบบแบ่งปันผลประโยชน์ ให้แก่ผลผลิตภาคเกษตรกรรมของประเทศ ได้แก่ ข้าว ยาง มันสำปะหลัง และ อ้อย โดยนำตัวอย่างจาก อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล มาเป็นต้นแบบ
ชาวไร่อ้อยมีส่วนแบ่งจากราคาน้ำตาลทราย ฉันใด ชาวนาต้องมีส่วนแบ่งจากราคาข้าวสาร ฉันนั้น
ชาวไร่มันสำปะหลังก็เช่นกัน ต้องมีส่วนแบ่งจากราคาแป้งมัน ไม่ใช่แค่หัวมัน ชาวสวนยางพารา ก็ต้องมีส่วนแบ่งกับราคายางแผ่น ไม่ใช่แค่น้ำยาง
‘พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย คือ ต้นแบบ ที่เราจะสร้างระบบแบ่งปันผลประโยชน์ให้กับเกษตรกร สร้างรายได้เพิ่มให้กับทุกคนที่อยู่ในระบบนี้ ที่เราเรียกว่า Profit Sharing เรื่องนี้ เป็นเรื่องใหญ่และเป็นผลประโยชน์กับเกษตรกรมากกว่า 30 ล้านคน ผมจะเป็นผู้รับผิดชอบภารกิจนี้ด้วยตนเอง โดยมีทีมงานนักวิชาการ และเกษตรกร มาให้ข้อมูล และคำปรึกษา’
นายอนุทิน กล่าวว่า แนวคิดด้านการเกษตรที่สำคัญอีกเรื่องก็คือ เราจะส่งเสริม สนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน จากผลผลิตการเกษตร อย่างจริงจัง โดยเฉพาะปาล์มน้ำมัน และอ้อย เพื่อผลิต ไบโอดีเซล และ เอทานอล หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบด้านการจัดหาพลังงาน ปตท. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ต้องเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนจากผลผลิตภาคเกษตรกรรม แม้ว่าต้นทุนการผลิต การจัดหาพลังงานจะสูง แต่ผลประโยชน์โดยรวม จะมีมูลค่ามากกว่า
ตัวอย่างเช่น การสร้างโรงไฟฟ้าในภาคใต้ ถ้าเปลี่ยนจากถ่านหิน เป็น ไบโอดีเซล แม้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ การลดการนำเข้าถ่านหิน การลดความขัดแย้งในสังคม การลดมลภาวะ การสร้างราคาผลผลิตการเกษตรเพิ่มขึ้น เกษตรกรมทีรายได้เพิ่มขึ้น การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการท่องเที่ยว การสร้างความสามัคคีในชุมชน
ถ้าเรามองแบบแยกส่วน อาจจะคิดแบบหนึ่ง แต่ถ้าเรามองภาพรวม เราอาจจะต้องตัดสินใจอีกแบบหนึ่ง พรรคภูมิใจไทย มองประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว เราไม่มองแบบแยกส่วน
แนวคิดด้านการท่องเที่ยวและบริการ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดการณ์ว่าถึงสิ้นปี 2561 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาทั้งหมดรวมกว่า 37 ล้านคน และมีรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรวมที่ประมาณ 3 ล้านล้านบาท
ท่องเที่ยว เป็นอุตสาหกรรมเดียว ที่รายได้ทุกบาท มีการแบ่งปันลงถึงประชาชนในพื้นที่มากที่สุด เป็นอุตสาหกรรมที่ พรรคภูมิใจไทย ให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ เพราะลงทุนน้อย ให้ผลตอบแทนมาก และประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด
เราจะสนับสนุนการใช้ ดิจิตอล แพลตฟอร์ม แอพพลิเคชั่นต่างๆ เข้ามาส่งเสริม และเชื่อมโยงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการบริการทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดการทำธุรกิจ การประกอบอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้มากที่สุด ด้วยหลักคิด Sharing Economy
เราจะทำให้ Sharing Economy ถูกกฎหมาย จะต้องมีการแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ ให้ Sharing Economy ดำเนินการได้ โดยไม่ผิดกฎหมาย หรือ สร้างกฎหมายใหม่ขึ้นมารองรับความถูกต้องของ Sharing Economy
ภารกิจด้านการท่องเที่ยวและบริการ ด้วยระบบ Sharing Economy นี้ มอบหมายให้ คุณทอม เครือโสภณซึ่งเป็นผู้ประกอบการภาคเอกชนที่มีความรู้ มีประสบการณ์มากมาย ในธุรกิจ นี้มาเป็นผู้ขับเคลื่อนแนวคิดนี้ ไปสู่การเป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทย
นายอนุทิน กล่าวว่า Buriram Model คือต้นแบบที่ดี และเห็นภาพชัดเจนที่สุด ที่พัฒนาเมืองขึ้นมาด้วยการท่องเที่ยวและบริการ โดยใช้หลักคิดและระบบ Sharing Economy
จากเมืองที่ยากจนที่สุดเมืองหนึ่งในประเทศไทย ใช้เวลาเพียง 8 ปี กลายมาเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงกีฬาที่มีชื่อเสียงระดับโลก รองรับนักท่องเที่ยว ได้มากกว่า 2 แสนคน ภายใน 3 วัน ด้วยระบบจัดการที่ดี ทำรายได้มากกว่า 3,000 ล้านบาท
‘ผมกับคุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค มีส่วนร่วมคิด ร่วมสร้างกับคุณเนวิน ชิดชอบ มาตั้งแต่วันแรก เราจะใช้ประสบการณ์จาก Buriram Model ไปสร้าง ไปพัฒนาทุกๆ จังหวัด ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวและบริการ ขึ้นมา เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้ประชาชนในทุกๆ จังหวัด ถ้าบุรีรัมย์ ทำได้ ทุกเมือง ทุกจังหวัด ในประเทศไทย ก็ทำได้ ขอให้มั่นใจ’ นายอนุทิน กล่าว
แนวคิดด้านสาธารณสุข
ไม่เจ็บ ไม่จน คือ คาถา คือ คำขอพร และคำอวยพร ที่ติดปากคนไทย ไม่ว่าไปที่ไหน เจอใคร ก็ขอให้ไม่เจ็บ ไม่จน
นอกจากเรื่องการสร้างงาน สร้างรายได้ แล้ว การสร้างสุขภาพที่แข็งแรงให้แก่ประชาชน ก็เป็นภารกิจที่เราตระหนัก และจัดว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากที่สุด ในฐานะที่คน เป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญที่สุดในระบบเศรษฐกิจ และเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของสังคม
ทุกวันนี้ เรามีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. อยู่ 1 ล้านคน อสม.1 คน ดูแลสุขภาพประชาชน ประมาณ 8-15 ครัวเรือน เป็นงานที่หนักพอสมควร
‘ผมมีแนวคิดที่จะพัฒนาการทำงานของอสม. ทั้งระบบ ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น มีศักยภาพการทำงานเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีเครื่องมือ และงบประมาณในการปฏิบัติงานเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อที่จะให้ อสม.เป็นกลไกหลักของการทำงานด้านสาธารณสุขของประเทศไทย โดยมีค่าใช้จ่าย และ สวัสดิการที่เหมาะสม อสม.จะเป็นหนึ่งในทีมหมอประจำครอบครัว เพื่อติดตามข้อมูลสุขภาพ และสาธารณสุขมูลฐาน ของประชาชนทุกคน ทุกครัวเรือนในประเทศไทย เพื่อที่เราจะทำระบบข้อมูลสุขภาพของคนไทย เพื่อที่การวางระบบส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค และ การรักษาโรค จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด’ นายอนุทิน กล่าว
การทำงานด้านสาธารณสุขมูลฐาน โดยกลไก อสม. นี้ ได้มอบหมายให้นพ.สำเริง แหยงกระโทก ซึ่งเป็นบุคลากรทางสาธารณสุข ที่ทำงานด้านนี้มามากกว่า 30 ปี มาเป็นผู้ขับเคลื่อนแนวคิดสู่ แนวนโยบายของพรรคต่อไป
แนวคิดด้านการพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เรามีแนวคิดว่า การพัฒนาและการสร้างระบบเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง มีโอกาสที่จะแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มากกว่าการใช้มาตรการด้านความมั่นคง และใช้ทหารเป็นกลไกหลักเพียงกลไกเดียว
เราเชื่อว่า ถ้าประชาชนมีความกินดีอยู่ดี ปากท้องอิ่ม มีรายได้ มีงานทำ สถานการณ์ใน 3 จังหวัดจะดีขึ้นกว่าที่เป็นมา 15 ปี ซึ่งรัฐบาล ใช้เงินแก้ปัญหานี้ไปแล้ว มากกว่า 3 แสนล้านบาท แต่ยังไม่มีความสงบ
พรรคภูมิใจมีแนวคิดที่จะสร้างเขตพัฒนาพิเศษ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก มาเป็นต้นแบบ เราเชื่อว่าสิทธิพิเศษต่างๆ ที่ได้รับ จะทำให้3จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการลงทุนมากขึ้น มีเศรษฐกิจดีขึ้น มีการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และจะเปลี่ยนแปลง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ แห่งหนึ่งของภูมิภาคอาเซียน ในฐานะเกทเวย์ หรือ ประตูที่จะเข้าสู่ภูมิภาคที่มีประชากร และกำลังซื้อ มากกว่า 240 ล้านคน ที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศไทย
ถ้า 3 จังหวัดตะวันออก ทำได้ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก็ควรจะต้องทำได้ และต้องได้รับสิทธิ ไม่น้อยกว่ากัน ทั้ง สิทธิพิเศษการลงทุนอุตสาหกรรมที่เหมาะสม สิทธิพิเศษการได้รับอนุมัติโครงการ ภายใน 120 วัน สิทธิพิเศษทางภาษี สิทธิการซื้อขายที่ดิน การเช่าที่ดิน การใช้ที่ดินของรัฐ สิทธิพิเศษการใช้แรงงานต่างด้าว สิทธิพิเศษการได้รับงบประมาณอุดหนุนจากรัฐ
แนวคิดการสร้างเขตพัฒนาพิเศษ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช้เศรษฐกิจแก้ปัญหาความไม่สงบนี้ ผมเชิญ แพทย์หญิงเพชรดาว โต๊ะมีนา ซึ่งเป็นผู้ที่ศึกษาปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มายาวนานทั้งชีวิต และมีประสบการณ์ตรง มาเป็นผู้พัฒนา สานต่อแนวคิดนี้ไปสู่การปฏิบัติจริงให้ได้
‘ขอเรียนว่าพรรคภูมิใจไทยที่นำโดยผม จะไม่เป็นพรรคการเมืองที่ทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของนักการเมือง แต่จะมุ่งหน้าสร้างประโยชน์ของประชาชน เพื่อเป็นไปตามแนวทางที่เรียนข้างต้นนี้ ผมขอเรียนว่า จากนี้ไป พรรคภูมิใจไทย จะมุ่งเน้นการนำเสนอแนวคิด แนวทาง และแนวนโยบายของพรรคที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เป็นหลัก โดยจะขอมอบหน้าที่โฆษกพรรคให้แก่ พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ เป็นผู้ทำหน้าที่ชี้แจงแนวคิดต่างๆ ของพรรค ให้สื่อมวลชน และประชาชน ทราบในรายละเอียด’ นายอนุทิน กล่าวในท้ายที่สุด