คนประชาธิปัตย์ ใช้ที่ทำการพรรคแถลง ใช้สื่อของพรรคเผยแพร่ ‘ยื่นถวายฎีกา’ คดีที่ศาลมีคำสั่งออกมา กับคำถาม-บ้านเมืองวุ่นวายเพราะไม่เคารพกฎหมาย
ภาพสมาชิกประชาธิปัตย์ รุกขึ้นไปบนบัลลังค์ประธานรัฐสภา ด้วยไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยผุดขึ้นมา หลัง ‘ชาญชัย อิสรเสนารักษ์’ แถลงข่าวจะยื่นถวายฎีกา ในคดีที่ตนแพ้คดีในศาลทุจริต ใน 2 กรณีนี้ แตกต่างกันตรงที่ครั้งแรก ไม่ยอมรับคำวินิจฉันของประธานในสภา แต่คราวนี้ มีปฏิกริยาต่อคำสั่งศาล
‘ชาญชัย จ่อถวายฎีกา ร.10 เหตุบ้านเมืองวุ่นวายไม่เคารพกฎหมาย’ พาดหัวในสื่อโซเชียลของคนปชป. ย้อนกลับไปถาม ‘คนปชป.’ – เหตุบ้านเมืองวุ่นวายไม่เคารพกฎหมายใช่หรือไม่
ในขณะที่การเมืองเริ่มผ่อนคลาย พรรคประชาธิปัตย์ อยู่ในขั้นตอนปรับกระบวนทัพ เตรียมจะเลือกตั้งผู้บริหารชุดใหม่ สถานการณ์ภายในดูระส่ำระสายไม่น้อย ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่า จะมีการปรับเปลี่ยนหัวหน้าพรรคคนใหม่ แต่ก็มีการแถลงข่าวที่ดูแล้วจะไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไหร่
ของชาญชัย อิสระเสนารักษ์ โดยได้ใช้ห้องแถลงข่าว อุปกรณ์ เครื่องมือ และช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ของพรรคประชาธิปัตย์ ในการโจมตีหน่วยงานรัฐวิสาหกิจใหญ่ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำรายได้เข้ารัฐปีละหลายหมื่นล้านบาท และ บริษัทเอกชน ซึ่งเป็นกิจการคนไทยที่ประสบความสำเร็จทั้งในและต่างประเทศ โดยอ้างบทบาทรองประธานอนุกรรมาธิการ ด้านกลไกการปราบปรามการทุจริต คณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ มาเป็นเครื่องมือสร้างกระแสข่าวหลายครั้ง
สภาปฏิรูปหมดวาระไปหลายเดือนแล้ว ยังนำมาอ้างไม่จบ
เป็นเรื่องที่แปลกอยู่ไม่น้อยที่การแถลงข่าวกลับมาใช้เวทีของพรรคประชาธิปัตย์ เสมือนหนึ่งว่า ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ รู้เห็นเป็นใจ…ในการแถลงข่าว รวมทั้ง ใช้ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ อย่าง ยูธูป ช่อง Spokesman Dp ซึ่งสื่อมวลชนทราบกันดีว่า เป็นช่องของทีมงานโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ สื่อสารกับสมาชิกและประชาชนทั่วไปในเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ กลับถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือเผยแพร่ภาพและเสียงของนายชาญชัย
ยิ่งชัดเจนเข้าไปอีกจนยากจะปฏิเสธว่าพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนการดำเนินการของ “ชาญชัย”
โดยตั้งชื่อคลิ๊ปวีดีโอ.นี้ว่า ….” ชาญชัย จ่อถวายฎีกา ร.10 เหตุบ้านเมืองวุ่นวายไม่เคารพกฎหมาย”
สิ่งที่แถลงข่าวนั้น เป็นเรื่องที่ แพ้คดีความ ในการไปฟ้องร้องเป็นการส่วนตัว ที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อเดือนที่ผ่านมา และบอกว่าจะยื่นอุทธรณ์ ในเรื่องนี้ และศาลชั้นต้นตัดสินว่า ชาญชัย ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย
เจ้าตัวดูเหมือนว่า จะไม่ยอมรับ ตอนแรกบอกจะยื่นอุทธรณ์ แต่กลับมาแถลงว่า จะไปยื่นหนังสือต่อ นายกรัฐมนตรี
และสำทับว่า จะถวายรายงานต่อสถาบันเบื้องสูง
ศาลคดีทุจริต มี 2 ศาล เมื่อศาลชั้นต้นมีคำวินิจฉัยของออกมาแล้ว สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงได้ แต่กลับไม่รอกระบวนการนี้
นอกจากนี้ ด้วยช่องทางตามกฎหมาย ชาญชัย สามารถยื่นเรื่องต่อ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. เพราะบอกว่า ช้าไม่ทันใจ
กล้าที่จะหยิบยกคำปรารภในรัฐธรรมนูญ มากล่าวอ้างให้ดูน่าตื่นเต้นตกใจสำหรับคนได้ยินได้ฟัง ถึงขนาดเป็นเรื่องที่ทำให้ประเทศแตกแยกได้
มีเบื้องหลังอะไรซ่อนเร้นอยู่หรือไม่ ถึงได้ร้อนรนจนเกินงาม
ในเมื่อกระบวนการต่าง ๆ ยังไม่ทำให้เสร็จสิ้น ทำไมจึงต้องออกมาให้ข่าวว่าจะมีการไปยื่นถวายรายงาน ต่อสถาบันเบื้องสูง มันเป็นเรื่องเหมาะสมหรือไม่เพียงใด
บ้านเมืองปกครองโดยระบบนิติรัฐ … ไม่ใช่ แพ้คดี ทั้งที่กระบวนการยังไม่จบสิ้น จะใช้วิถีทางนอกเหนือจากแนวทางที่มีกำหนดในบทบัญญัติกฎหมาย
เมื่อไปสำรวจตรวจตราประวัติของชาญชัย อิสระเสนารักษ์ แล้วก็พบว่า เคยถูกศาลรัฐธรรนูญ ตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งทางการเมือง เนื่องจากปลอมวุฒิทางการศึกษา
เป็นแบบนี้..กองเชียร์ลูกแม่พระธรณีบีบมวยผม คงจะต้องหนักใจแทนกับพัฒนาการของพรรคประชาธิปัตย์ ในการจะเข้าสู่สนามเลือกตั้งในครั้งหน้าเสียจริง ๆ
สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันสำคัญของประเทศชาติ เป็นสถาบันสูงสุดที่ประชาชนคนไทย คนไทยจะไม่มีวันทำสิ่งใด หรือ ให้คนใดคนหนึ่งทำเรื่องให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคคลบาท
ฝากให้ ‘ชาญชัย’และคนในประชาธิปัตย์พิจารณาว่า สมควรหรือไม่ และหากคนไม่ประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของคนในพรรค ก็ไม่สมควรจะให้ใช้ทรัพยากรของพรรคในการเคลื่อนไหว ไม่ใช่นั้น ประชาธิปัตย์ก็จะติดร่างแหไปด้วย