ปชป.-เพื่อไทย ประสานเสียง ห่วง 4 รัฐมนตรีพลังประชารัฐ ใช้อำนาจเพื่อในรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของพรรค ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจเด็ดขาด อาจมีการเอาเปรียบ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเปิดตัวสี่รัฐมนตรีเป็นผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐว่า เป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมายเพราะทั้งสี่ท่านมีความใกล้ชิดกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการเคลื่อนไหวสอดคล้องกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่า ตั้งพรรคเพื่อรองรับการทำงานการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ แม้จะมีการปฏิเสธเรื่องนี้ แต่สังคมและวิญญูชนสามารถสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าว
สิ่งที่เป็นห่วงคือ รัฐมนตรีทั้ง 4 คน หรือ ท่านใดที่ยังอยู่ในรัฐบาลต้องถึงระมัดระวังการใช้อำนาจหน้าที่ในรัฐบาลไปใช้ประโยชน์ในทางการเมือง เพื่อปูทางไปสู่การหาคะแนนนิยมให้กับตัวเองและพวกพ้อง เพราะใกล้จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศไทย จึงต้องทำให้การเลือกตั้งได้รับการยอมรับจากสังคมทุกภาคส่วน เพราะฉะนั้นการกระทำของผู้มีอำนาจในการใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องโดยมิชอบ การใช้อำนาจ แทรกแซงการทำงานองค์กรอิสระ หรือ แสวงหาความนิยมในรูปแบบต่างๆ ผ่านเครือข่ายข้าราชการ จะส่งผลให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในการเลือกตั้งสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมือง เพราะจะทำให้ผลการเลือกตั้งไม่เป็นที่ยอมรับ
ส่วนที่มีคนของพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐด้วยนั้น นายองอาจกล่าวว่า ตนเห็นว่าทุกคนมีความรู้ความสามารถ ทำประโยชน์ให้กับสังคมได้ จึงเสียดายที่ไม่ได้ทำงานร่วมกับประชาธิปัตย์ต่อ แต่การตัดสินใจการเมืองเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล จึงขออวยพรให้โชคดีในการทำงานทางการเมืองต่อไป อย่างไรก็ตามไม่ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งใน กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ที่พร้อมเข้ามาทำงานการเมืองในนามพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมาก ซึ่งตนเชื่อว่าจะเป็นตัวตายตัวแทนคนที่ออกจากพรรคไป เพราะเป็นผู้มีวุฒิภาวะ มีความรู้ความสามารถ ประสบความสำเร็จในชีวิตมาระดับหนึ่ง พร้อมร่วมอุดมการณ์กับประชาธิปัตย์ เพื่อนำนโยบายไปดำเนินการให้เป็นประโยชน์กับประชาชนต่อไป ทั้งนี้หากเปรียบเทียบจำนวนอดีตสส.ที่ออกไปกับอดีตสส.ที่มีทั้งหมดจะเห็นว่าเป็นส่วนน้อย แต่สส.ส่วนมากยังร่วมงานกับประชาธิปัตย์ต่อไป
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเปิดตัวหัวหน้าพรรคกับเลขาธิการพรรคเป็นรัฐมนตรี ไม่น่าแปลกใจ แต่ที่เป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างยิ่งก็คือ การที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังนั่งอยู่ในตำแหน่ง นายกฯโดยมีอำนาจพิเศษตาม ม.44 ควบคุมประเทศ ทั้งก่อนเลือกตั้ง ระหว่างเลือกตั้ง และหลังเลือกตั้ง จนกว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะแล้วเสร็จ โดยที่พรรคพลังประชารัฐประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ฯ เป็น นายกรัฐมนตรี ซึ่งคนได้ยินไปทั้งประเทศ
“พฤติกรรมดังกล่าวถือได้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ ฯ มีส่วนได้เสีย โดยมีอำนาจพิเศษอยู่ในมือ และถือเป็นผลประโยชน์ขัดกัน ทั้งยังขัดกับจรรยาบรรณทางการเมือง ที่มีการเอาเปรียบกันในการแข่งขันทางการเมือง ซึ่งถือว่าไม่ชอบธรรมอย่างยิ่ง ถ้าจะเปรียบให้เห็นง่าย ๆ เหมือนการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ฯ ๆ และรัฐมนตรีทั้ง 4 คนเป็นทั้งนักกีฬาและเป็นกรรมการด้วย รู้ถึงไหน ก็อายถึงนั่น “นายชวลิต กล่าว
นายชวลิต กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งทั่วไปที่จะถึง จะเป็นการเลือกตั้งที่มีการเอาเปรียบกันอย่างสุด ๆ ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย บางครั้งรู้สึกหดหู่ ท้อใจ อับจนปัญญาที่จะให้ข้อคิด เพราะคนไทยได้สัมผัสความจริงมาแล้วว่า 4 ปีที่รัฐบาลนี้ได้บริหารประเทศ สภาพเศรษฐกิจในครอบครัวของแต่ละครอบครัวเป็นอย่างไร คงไม่มีใครอยากลำบากไปมากกว่านี้อีกแล้วเชื่อว่าเศรษฐกิจ ปากท้อง จะเป็นปัจจัยกำหนดผู้บริหารประเทศ