ยุทธศาสตร์ใหม่ประเทศไทยในการขยายตลาดฮาลาลสู่โลกมุสลิมอย่างจริงจัง ไม่ได้เป็นเพียงนโยบาย รมว.พาณิชย์สั่งกรมส่งเสริมการค้าต่างประเทศ เชื่อมโลกมุสลิม
ฮาลาล (Halal) ในเชิงเศรษฐกิจแต่เดิมนับเฉพาะอาหารสำหรับมุสลิม 1,800 ล้านคนมีมูลค่า 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐใน ค.ศ.2017 เมื่อขยายสู่ผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาลทั้งหมดเพิ่มมูลค่าเป็น 2.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มาวันนี้ยุทธศาสตร์ฮาลาล กลายเป็นเรื่อง Halal for All ไม่เฉพาะมุสลิมอีกต่อไป มูลค่าเฉพาะอาหารขยายขนาดสูงถึง 6.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ นี่คือมูลค่าเศรษฐกิจอาหารฮาลาลเพื่อทุกคนที่ทั่วโลกตั้งเป้าไว้ และนี่คือเป้าหมายทางเศรษฐกิจอาหารฮาลาลสำหรับประเทศไทย หากคิดจะแข่งขันต้องหาตลาดให้พบมองตลาดให้ออก ทั้งตลาดปัจจุบัน ตลาดอนาคต ทั้งตลาดที่ปรากฏ ตลาดที่ซ่อนอยู่ ทั้งตลาดเชิงกายภาพและตลาดเชิงสัญญะ
คนไทยที่จะได้ประโยชน์จากตลาดอาหารฮาลาลมากกว่า 95% ไม่ใช่มุสลิม ทั้งเจ้าของกิจการ นักธุรกิจ แรงงาน เกษตรกรแทบทั้งหมดไม่ใช่มุสลิม ฮาลาลจึงเป็นผลประโยชน์แท้ๆของคนทั้งสังคม รัฐบาลยืนยันว่ารายได้จากการส่งออกส่วนใหญ่มาจากการรับจ้างผลิตหรือโออีเอ็มให้กับนายทุนต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ คอมพิวเตอร์ เสื้อผ้า ฯลฯ คุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่ารายได้จากการส่งออกที่ให้ผลประโยชน์คืนประเทศสูงที่สุดคืออาหารและการเกษตร ผลิตภัณฑ์อาหารจึงให้มูลค่าเพิ่มสูงที่สุด นี่คือผลประโยชน์หลักของประเทศ
วันที่ 14 ก.ย. 2561 เวลา 10.00-12.00 น. ทางคุณยงยุทธ สาระสมบัติ อดีตสมาชิก สปช.และสปท.พาคณะเข้าพบรัฐมนตรีพาณิชย์ คุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ในนามสมาคมการค้าไทย-รัสเซีย เพื่อเสนอโอกาสส่งออกอาหาร มีทีมนักวิจัยเข้าไปเสนอผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสมุนไพร คุณสมพงษ์ สระกวี เสนอเรื่องนวัตกรรมยางพาราและการค้าแลกเปลี่ยน ส่วนผมเสนอแนวคิดใหม่ข้อมูลใหม่ตลาดใหม่เรื่องฮาลาล ทีม ศวฮ.มีคุณสมพล รัตนาภิบาล ผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมเเละ อ.ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ผู้เชี่ยวชาญโลกมุสลิมร่วมไปด้วย โดยผมบรรยายเรื่อง ”Opportunity of Thailand in Halal Market” มีการนำเสนอแนวคิดใหม่เรื่องตราฮาลาลคือแบรนด์ และการบูรณาการฮาลาลแม่นยำทั้งระบบ (Precision Halalization) ยืนยันด้วยว่าประเทศไทยคือผู้นำด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาลที่ทั้งโลกเข้ามาดูงานและฝึกงาน
หลังการนำเสนอ ท่านรัฐมนตรีให้ความเห็นเเละสั่งการต่อผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ทันทีว่า เรื่องฮาลาลพูดกันมานานแต่ส่วนใหญ่เป็นทฤษฎีมาครั้งนี้กระทรวงฯต้องให้ความสำคัญกับตลาดฮาลาลในเชิงปฏิบัติให้มากขึ้น โดยมองตลาดฮาลาลเป็นมิติใหม่ ที่ผ่านมามีการพูดถึงการเติบโตเเละความสำคัญของตลาดฮาลาลในเชิงนโยบายกันอยู่เสมอ เเต่ขาดความเข้าใจและการดำเนินงานอย่างจริงจัง จึงมอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เข้ามาดำเนินการ โดยวางตลาดฮาลาลเป็นเป้าหมายหลักในการพัฒนาเเละขยายตลาดการส่งอก ศึกษาข้อมูลเเละตัวเลขการเติบโตของกลุ่มตลาดฮาลาลให้ชัดเจน โดยสั่งการผ่านสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ขอให้ร่วมงานกับ ศวฮ.เเละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เน้นย้ำว่าในการดำนินงานขอให้มีข้อมูลอ้างอิงที่ตรงกัน เเละเกิดการขับเคลื่อนงานไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ ท่านรัฐมนตรีฯ ยังสั่งการอย่างชัดเจนให้ ศวฮ. จัดเตรียมแผนงานเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการขยายการส่งออกสินค้าฮาลาล การเพิ่มสัดส่วน เเละศักยภาพของตลาดฮาลาล การใช้วิทยาศาสตร์ฮาลาลเข้ามายกระดับเเละพัฒนาผลิตภัณฑ์ และเพิ่มภาพลักษณ์ เพื่อสร้าง Thailand Diamond Halal โดยแนวทางศาสนารับรอง วิทยาศาสตร์รองรับ (ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 2 มิถุนายน 2558) รวบรวมข้อมูลเเละตัวเลขต่างๆที่เกี่ยวข้องนำมาเสนอต่อกระทรวงต่อไป โดยท่านรัฐมนตรีฯ เน้นย้ำอีกครั้งว่าจะต้องมีการวางกลยุทธ์ เเละเป้าหมายรวมทั้งเข้ามาศึกษากลุ่มตลาดฮาลาลอย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนโดยเร็วที่สุด
ผมมีคุณพ่อเป็นบุตรชายของกิไย้อะหฺมัด ดะห์ลัน ผู้ก่อตั้งมูฮัมมะดียะฮฺ (Muhammadiyah) องค์กรศาสนาอิสลามที่มีอิทธิพลสูงสุดของอินโดนีเซีย ท่านสอนลูกๆไว้ว่าคนเราต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิด ประเทศนี้จึงเป็นแผ่นดินเกิดของผมที่จะต้องทดแทนคุณ จะตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิดอย่างไรให้ได้มากที่สุด นี่คือเหตุผลที่ผมและศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) ทุ่มเททำงานเพื่อมุ่งสร้างศักยภาพและภาพลักษณ์ของฮาลาลประเทศไทยผ่านงานวิทยาศาสตร์ฮาลาล วันนี้ฝ่ายนโยบายของประเทศตระหนักมากขึ้นแล้วว่าตลาดอาหารฮาลาลคือผลประโยชน์ของประเทศไทยหากทำได้สำเร็จ ฮาลาลจะกลายเป็นผลประโยชน์สำคัญของสังคมไทย ฝันที่จะตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิดของผมและคนใน ศวฮ.ก็คงบรรลุผล
ยุทธศาสตร์ใหม่ประเทศไทยในการขยายตลาดฮาลาลฮาลาล (Halal) ในเชิงเศรษฐกิจแต่เดิมนับเฉพาะอาหารสำหรับมุสลิม 1,800…
โพสต์โดย Dr.Winai Dahlan เมื่อ วันเสาร์ที่ 15 กันยายน 2018