กู้ภัยไทย-จีน 3,000คนลงพื้นที่เขื่อนแตก-เขมรกระทบ 2 หมื่นคน

การประชุมของทีมกู้ชีพกู้ภัยไทย

อาสาสมัครไทย-จีน  3,000 คนเตรียมลงพื้นที่เขื่อนแตก ร่วมค้นหาผู้สูญหาย และติดค้าง –เขมรกระทบหนัก 20,000 คนได้รับความเดือดร้อน

รอยเตอร์ รายงานว่า อาสาสมัครกู้ภัย จากสาธารณรัฐประชาชนจีนและไทย ประมาณ 3,000 คน เตรรียมเข้าไปยังพื้นที่ เมืองสะหนามไชย ที่เกิดเหตุเขื่อนแตก โดยจำนวนหนึ่งรอที่เมืองปากชอง ซึ่งอยู่ห่างจากสะนามไชย ประมาณ 170 กิโลเมตร โดยข้อมูลจากทางการลาว ล่าสุด ยืนยัน มีผู้เสียชีวิต 26 ราย และสูญหาย 131 คน

ในขณะที่สหประชาชาติ ระบุว่า เหตุการณ์เขื่อนแตกในสปป.ลาว จะส่งผลให้มีผู้ได้รับผลกระทบมากกว่า 11,000 ราย

โดยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต้องการเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม อาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค  แพมเพิร์ส ผ้าอนามัย เป็นต้น

สำหรับอาสาสมัครที่ต้องการเดินทางไปสสป.ลาว จะต้องได้รับอนุญาตก่อน และจะต้องมีพาสพอร์ตเข้าไปด้วย เนื่องจากบัตรข้ามแดนใช้ได้เพียง 2 วันเท่านั้น

ในการปฏิบัติภารกิจ ทีมกู้ชีพกู้ภัยไทย ประกอบด้วย หน่วยกู้ภัย ฮุก31 นครราชสีมา , สยามนนท์ , อัลฟาร์ , เมตตาธรรม , พนมเวช ประชุมวางแผนและแบ่งภารกิจในการช่วยเหลือผู้ประสบอุกภัยที่แขวงอัตตะปือ สปป.ลาว ร่วมกับผู้บัญชาการหน่วยกู้ภัย สปป.ลาว โดยวันนี้ได้แบ่งภารกิจช่วยเหลือออกเป็น 2 ภารกิจหลัก

ภารกิจที่ 1 เข้าค้นหาผู้ประสบภัย 15 ชีวิตที่สูญหาย ที่บริเวณบ้านไซดอนโขง แขวงอัตตะปือ โดยเจ้าหน้าที่จะนำเรือยนต์ 3 ลำ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย วิทยุสื่อสาร และเครื่องยังชีพเข้าไปค้นหา ผู้บัญชาการหน่วยกู้ชีพกู้ภัยของ สปป.ลาว ระบุว่า สภาพพื้นที่ที่จะเข้าไปบางจุดน้ำลดระดับ อาจทำให้การเดินทางด้วยเรืออาจทำได้ลำบาก เพราะมีลักษณ์เป็นแก่งและโขดหิน รวมทั้งการทะลักของมวลน้ำจากเขื่อนแตก ส่งผลให้เส้นทางน้ำเปลี่ยน

ภารกิจที่ 2 คือการเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อีกประมาณ 700 คน ที่ติดอยู่บริเวณบ้านตำมะหยอด แขวงจำปาสัก ที่อยู่ระหว่างการรอการช่วยเหลือจากทางการ เบื้องต้น มีการร้องขออาหาร น้ำดื่มและเครื่องนุ่งห่ม เนื่องจากมีฝนตกลงมาตลอดทั้งวันและสภาพอากาศเย็น

รายงานแจ้งว่า   ในกัมพูชา ซึ่งมีพื้นที่อยู่ติดกับ แขวงอัตตะปือ ได้รับผลกระทบ 5 เมือง อาทิ เกาะกง สีหนุวิลล์ เป็นต้น โดยมีประชาชนได้รับผลกระทบประมาณ 20,000 คน ไร่นาได้รับความเสียหายมากกว่า 10,000 ไร่