“ทหารเรือจะไม่ทิ้งประชาชน” พล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้ว ผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ (ผบ.นสร.) หรือหน่วยซีล เอ่ยถึง สโลแกนของกองทัพเรือ ที่นำมาใช้ในการปฏิบัติภารกิจ กอบกู้ชีวิต 13 ชีวิตทีมหมูป่า อคาเดมี ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน เป็นภารกิจที่หนักหน่วง ไม่สำเร็จไม่กลับ
2-3 วัน ที่พยายามฝ่าฝันเข้าไปในถ้ำ พวกเขาทำสำเร็จ ไปถึงโถงแรก ห่างจากปากถ้ำ 3 กิโลเมตร ที่คาดว่า 13 ชีวิต อาจจะอยู่ในนั้น แต่ไม่พบ ภารกิจจึงต้องมุ่งหน้าต่อไป
ในขณะที่หน่วยซีลเข้าไปทำงาน ยังไม่มีใครรู้จักถ้ำหลวงมากนัก หลังจากนั้น จึงจะมีผู้เชี่ยวชาญจากฝ่ายต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือ รวมทั้งข้อมูลว่า น้องๆ อาจหนีไปอยู่ที่พัทยาบีช สถานที่ๆพวกเขาเคยไป
กระแสน้ำที่ท่วมสูงและแรง หน่วยซีล และขณะนั้นทีมต่างประเทศเข้ามาเสริม ไม่สามารถฝ่าไปได้ จะต้องระดมทีมสูบน้ำจากทั่วประเทศมาช่วย รวมทั้งภารกิจการปีนเขาเพื่อหาโพรงถ้ำโรยตัวเข้าไปภายใน
แม้จะมีการระดมสูบน้ำ แต่กระแสน้ำก็ยังแรงและสูง โดยเฉพาะจุดที่แคบที่สุด จากโถง 3 ไปยังพัทยาบีช ที่ต้องฝ่าจุดที่แคบที่สุด และอันตรายที่สุด
“กระแสน้ำแรง เราไม่สามารถฝ่าไปได้ แต่ภารกิจเราต้องทำให้สำเร็จ เราเอาชนะธรรมชาติไม่ได้ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ ยุทธวิธีทางทหาร ไม่รุกไม่ได้ก็ถอย เพื่อกลับมาเพื่อจะรุกเข้าไปใหม่”ผบ.หน่วยซีล กล่าวถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากในการทำงานของหน่วยซีล
เมื่อไปกับถังออกซิเจนไม่ได้ ภารกิจยังต้องทำด้วยความเร่งด่วน จึงได้ปรับยุทธวิธี ใช้ถังนำหน้า ฝ่าด่านหินจุดที่แคบที่สุดไปได้
“ไม่เจอเด็ก เราไม่กลับ” เป็นคำประกาศของผบ.หน่วยซีลในขณะนั้น
ต้องใช้เวลาอีก 2-3 วัน เมื่อการสูบน้ำ การปิดกั้นทางน้ำเข้าถ้ำหยุดการไหลของน้ำได้มากขึ้น สุดท้ายทีมอังกฤษที่ล่วงหน้าไปได้ค้นพบเด็ก ท่ามกลางความดีใจของคนทั้งโลก
แต่ภารกิจของซีลยังไม่เสร็จสิ้น ยังต้องเฝ้าดูแลหมูป่า นำถังอ๊อกซิเจนเข้าไป นำอาหารเข้าไป ฝึกเด็กๆดำน้ำ อีก 8 วัน จนภารกิจสุดท้าย นำ 13 ชีวิติออกมาจนสำเร็จ
เสียงปรบมือชื่นชมหน่วยซีล ที่ทำงานเยไม่ย่อท้อ ไม่เปิดเผยชื่อ ไม่ต้องการชื่อเสียง ต้องการเพียงภารกิจช่วยเด็กให้สำเร็จ
“ความสำเร็จที่เกิดขึ้น มาจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ร่วมมือร่วมใจกันทำงาน และไม่ทิ้งกัน” ผบ.หน่วยซีล กล่าว
