สวนทางแม่ทัพภาค 4 ชาวบ้าน”สุคิริน”ค้านนำผู้หลงผิดไปตั้งถิ่นฐานในพื้นที่

ทีมข่าวอิศรา รายงานว่า เมื่อวันพุธที่ 2 พ.ค.61 พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4ได้เป็นประธานการประชุมเรื่องนี้ โดยใช้สถานที่ในศาลากลางจังหวัดนราธิวาส โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนายอำเภอสุคิริน และตัวแทนชาวบ้านทั้ง 3 หมู่บ้านเข้าร่วมหารือด้วย

  พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่าชาวบ้านยอมให้ใช้พื้นที่ได้ หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากเจ้าหน้าที่อย่างละเอียด ส่วนข้อกังวลการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อมต่างๆ นั้น ก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเพื่อความสบายใจ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐจากส่วนงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับชาวบ้านและผู้นำในท้องถิ่น เช่น หากจะมีการก่อสร้างบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ จะต้องให้คณะกรรมการชุดนี้เห็นชอบด้วย

สำหรับข้อกังวลว่าคนเหล่านี้เป็นอดีตผู้ก่อความรุนแรงมาก่อน อาจทำให้คนในหมู่บ้านที่อาศัยอยู่เดิมไม่ปลอดภัยนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า “พวกเขาเลิกเป็นโจรมา 30 ปีแล้ว ปัจจุบันก็อายุมาก 50 ปีขึ้นไป ตั้งใจย้ายหนีความลำบากกลับมาอยู่ประเทศไทยเพื่อชีวิตที่ดีกว่า ขอให้วางใจได้ โดยเจ้าหน้าที่จะคอยติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด และพร้อมส่งเจ้าหน้าที่ไปคอยดูแลความเรียบร้อยในหมู่บ้าน”

พล.อ.ปิยวัฒน์ ยืนยันด้วยว่าที่ผ่านมาไม่มีใครคัดค้านโครงการนี้ มีแต่คนพยายามปล่อยข่าว เพราะกลัวจะเสียประโยชน์ ซึ่งล่าสุดรู้ตัวคนปล่อยข่าวแล้ว เรื่องนี้ทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้บัญชาการทหารบก รับทราบเป็นอย่างดี คาดว่าอีก 3-4 เดือนจะย้ายเข้าไปอยู่ในพื้นที่ได้

“การหาพื้นที่อยู่อาศัยและที่ทำกินให้ผู้เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน ก็เพื่อรองรับคนที่อยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี (หมู่บ้านสันติสุข) เพราะที่นั่นเป็นเพียงที่ฝึกอาชีพชั่วคราว เมื่อครบกำหนด คนเหล่านี้บางส่วนก็จะกลับไปอยู่กับญาติ แต่บางส่วนไม่มีที่ไป ก็จะให้ไปอยู่ที่ใหม่ที่หาไว้รองรับ เหมือนกับการอยู่หมู่บ้านปิยมิตรที่เราให้โจรจีนคอมมิวนิสต์ หรือ จคม. เข้าไปอยู่ โดยหมู่บ้านใน ต.สุคิริน ถือว่ามีความพร้อม คนในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม มีไทยพุทธเพียง 3-4 คน” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว และว่า

     “มีแผนจะพาชาวบ้านใน ต.สุคิริน ไปรู้จักกับผู้เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล เมื่อศึกษากันและกัน จะได้ละลายพฤติกรรมก่อนที่จะมาอยู่ร่วมกัน นอกจากนี้จะเพิ่มกำลังทหารเข้าไปดูแลความปลอดภัย ลดความหวาดระเเวงของคนในพื้นที่ เเละจะถอนกำลังทหารออกเมื่อชาวบ้านมีความสุข” แม่ทัพภาคที่ 4 ย้ำ

ขณะที่ พล.ต.สมพล ปานกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส กล่าวว่า คนที่จะย้ายเข้าไปอยู่มี 105 คน เป็นกลุ่ม “บุคคลสองสัญชาติ” ที่หลบหนีเข้าไปพำนักในประเทศเพื่อนบ้านเพราะความหวาดระแวง ทั้งหมดไม่เคยถูกออกหมายจับ ไม่ว่าจะคดีอะไรก็ตาม

ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส บอกด้วยว่า ยังไม่ได้ย้ายคนเข้าไปอยู่วันนี้หรือพรุ่งนี้ แต่อาจใช้เวลาอีกหลายเดือน เพราะต้องพูดคุยทำความเข้าใจจนตกผลึกและได้ข้อสรุปเสียก่อน

แม้ฝ่ายทหารจะยืนยันว่า ไม่มีเสียงค้าน และชาวบ้านพร้อมต้อนรับสมาชิกโครงการ “พาคนกลับบ้าน” แต่กระแสเสียงในพื้นที่ อ.สุคิริน กลับพบว่า ชาวบ้านที่นั่นยังคงคัดค้านโครงการนี้ ไม่ได้เห็นด้วยตามที่ฝ่ายความมั่นคงให้ข่าว โดยชาวบ้านมีทัศนคติว่า กลุ่มผู้หลงผิดเป็นอดีตโจร และน่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากย้ายคนกลุ่มนี้เข้ามา ก็อาจจะทำให้พื้นที่ไม่สงบ กระทบกับการท่องเที่ยวและความสัมพันธ์ในชุมชน

นายวิโรจน์ ขีปนานนท์ อายุ 75 ปี ประธานชมรมผู้สูงอายุโรงพยาบาลสุคิริน ลุงวิโรจน์ บอกว่า ขอวิงวอนไปถึงผู้เกี่ยวข้อง อย่าได้พาคนกลุ่มนี้เข้ามาอยู่ที่สุคิรินเลย เพราะจะกลายเป็นความรู้สึกแบ่งแยก และกระทบกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่กำลังบูมอย่างมากใน อ.สุคิริน

สำหรับ อ.สุคิริน เป็นอำเภอที่ค่อนข้างเงียบสงบ มีเหตุรุนแรงค่อนข้างน้อย มีนิคมสร้างตนเอง และมีหมู่บ้านของคนที่อพยพมาจากภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะอีสาน อาศัยอยู่ร่วมกันมาหลายสิบปี จึงค่อนข้างเป็นชุมชนเข้มแข็ง และดูแลกันเองได้

สภาพพื้นที่ของ อ.สุคิริน ตั้งอยู่บนภูเขาสูงติดชายแดนไทย-มาเลเซีย เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ทั้งเหมืองทองคำ ทะเลหมอก และศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ ทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและมาเลย์หลั่งไหลไปเยี่ยมเยือนเป็นจำนวนมาก