ขีปนาวุธส่วนใหญ่ที่ยิงโจมตีซีเรียโดยสหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศส ถูกระบบป้องกันทางอากาศซีเรียสกัดไว้ได้ โดยที่หน่วยป้องภัยทางอากาศของรัสเซียยังไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือต่อต้านการโจมตีครั้งนี้ รมว.กลาโหมรัสเซียเผย
เครื่องบินและเรือรบสหรัฐฯ กับพันธมิตรได้ยิงขีปนาวุธโจมตีทางอากาศต่อซีเรียกว่า 100 ลูกทั้งเป้าหมายพื้นที่พลเรือนและทางทหารของซีเรีย
การโจมตีนี้ปฏิบัติการโดยเรือรบสหรัฐฯ 2 ลำที่ประจำการอยู่ในทะเลแดง โดยได้รับการสนับสนุนทางยุทธวิธีจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-1 แลนเซอร์ (Rockwell B-1 Lancer) จากฐานทัพพันธมิตรสหรัฐฯ ในเมืองอัล-ตันฟ์ (Al-Tanf) จังหวัดฮอมส์ ประเทศซีเรีย
“อัล-ดูมาร์” (Al-Dumayr) สนามบินทหารของซีเรียซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงดามัสกัสไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 40 กิโลเมตรถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธ 12 ลูก รมว.กลาโหมรัสเซียยืนยันพร้อมระบุว่า ขีปนาวุธทั้งหมดถูกสกัดโดยระบบป้องกันทางอากาศของซีเรีย
ในการสกัดการโจมตีครั้งนี้ดามัสกัสได้นำระบบขีปนาวุธพื้นผิวสู่อากาศของโซเวียตไปใช้ป้องกัน ได้แก่ S-125 (นาโต้เรียก SA-3 Goa), S-200 (SA-5 Gammon), 2K12 Kub (SA-6 Gainful ) และ Buk
รัสเซียยังไม่ได้ใช้ระบบป้องกันทางอากาศของตนซึ่งติดตั้งในประเทศซีเรียเพื่อสกัดกั้นขีปนาวุธของอเมริกัน อังกฤษ และฝรั่งเศสในครั้งนี้
ระบบป้องกันทางอากาศของซีเรียเพียงเท่านั้นที่เผชิญหน้ากับการแทรกแซงของอเมริกัน-ฝรั่งเศส-อังกฤษซึ่งเริ่มต้นในช่วงเช้ามืดของวันเสาร์ (14 เม.ย.)
ทั้งสามประเทศได้ร่วมมือกันเปิดปฏิบัติการถล่มซีเรียเพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่ถูกกล่าวหาว่าเป็ฯนฝีมือของรัฐบาลอัสซาดในเมืองดูม่าซึ่งอยู่ห่างจากดามัสกัสประมาณ 10 กิโลเมตรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเกิดขึ้นก่อนที่ทีมนักวิจัยจากองค์การห้ามใช้อาวุธเคมี (OPCW) จะได้เข้าไปยังเมืองดูมาเพื่อตรวจสอบว่ามีการโจมตีด้วยอาวุธเคมีเกิดขึ้นจริงหรือไม่
ปฏิกิริยาต่อการโจมตีทางอากาศของสหรัฐต่อดามัสกัส เลขาธิการสหประชาชาติ นายแอนโตนิโอ กูเตอร์เรส กล่าวว่า ทุกประเทศต้อง “ปฏิบัติอย่างเสมอต้นเสมอปลาย” ตามกฎบัตรของสหประชาชาติ “ที่มีข้อผูกพัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องรับมือกับเรื่องสันติภาพและความมั่นคง เพื่อให้สอดคล้องกับกฎบัตรของสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศโดยทั่วไป”
cr.publicpost
