ตลาด…ลมหายใจของชีวิต
โดย…โซรยา จามจุรี และคำนึง ชำนาญกิจ
สำหรับมามา หรือ “ ฮาซานะ เจ๊ะมีนา”แล้ว “ตลาด” มีความหมายต่อครอบครัวยิ่งนัก เพราะอย่างน้อย 6 ชีวิต คือ เธอและสามี รวมทั้งลูกๆอีก 4 คน ล้วนแล้วแต่ต้องฝากปากท้องและความอยู่รอดของครอบครัวกับตลาด 15 ปี ที่เธอและสามีเปิดแผงขายปลาสดและอาหารทะเลในตลาดพิมลชัย อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อส่งเสียให้ลูกๆได้เรียนหนังสือ จนลูกชายคนโตคือ “มะยากี (ยีลี) แวยาแว” วัย 29 ปี (ภาพขาวดำ) สามารถเรียนจบฮาฟิส (การท่องจำอัลกุรอาน) และศาสนาชั้นสูงจากมัรกัสยะลา และได้กลายเป็นที่พึ่งหลักของครอบครัว โดยออกมาช่วยแม่ขายของและขับรถรับส่งแทนพ่อที่แก่ตัวลงและเริ่มป่วย ซึ่งตอนนี้คงได้แต่ทำหน้าที่เป็นอิหม่ามอยู่ที่บ้าน โดยไม่สามารถออกมาขายของในตลาดกับแม่เช่นที่เคยทำด้วยกันมากว่าสิบปี
แต่แล้วความหวังก็ดับสูญ หลังสิ้นเสียงระเบิดเมื่อเช้าตรู่ของ วันที่ 22 ม.ค. 2561 เมื่อหนึ่งใน 3 ของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ เป็นลูกชายของเธอโดนระเบิด ในขณะที่เขากำลังขับรถมอเตอร์ไซค์ไปส่งกุ้งตามลูกค้าสั่ง และกำลังจะขับกลับมายังแผงขายปลาของครอบครัว แล้วก็ผ่านตรงจุดเกิดเหตุนั้นพอดี
“ตูม” สิ้นเสียงระเบิด เขาตายคาที่ ด้วยแรงระเบิดจากรถมอเตอร์ไซค์บอมบ์ วิญญาณของผู้ที่บริสุทธิ์เช่นยีลี คงจะกลับคืนสู่ความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้าอย่างสุขสงบ จะทิ้งไว้ก็แต่ความสับสนอลหม่านในตอนนั้น เสียงกรีดร้องของคนที่ได้รับบาดเจ็บนับสิบ และการขอความช่วยเหลือ ท่ามกลางฝุ่นควันของระเบิด และซากปรักหักพังของร้านรวง
นอกจากยีลีแล้ว ระเบิดยังได้คร่าชีวิตแม่ค้าในตลาดอีก 2 คน และบาดเจ็บอีกราว 20 คน !!
วันนั้นมามาบอกว่า เธอขายของอยู่ในตลาดบริเวณตอนใน ซึ่งอยู่ไกลจากจุดเกิดเหตุ เลยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เมื่อรู้ว่าลูกโดนระเบิดจากการเช็คข่าวจากโทรศัพท์ของชาวตลาด หัวใจก็แทบสลาย และรีบรุดไปดูร่างที่สิ้นลมแล้วของลูก ที่ถูกส่งไปยังโรงพยาบาล
วันที่กลุ่มผู้หญิงจาก Civic Women ไปเยี่ยมมามา(ภาพบน คนกลาง)และครอบครัว(ภาพล่าง) ที่บางตาวา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และสัมภาษณ์เพื่อทำรายการนักข่าวพลเมือง มามาพูดอะไรแทบไม่ออก เสียงให้สัมภาษณ์เบา และดูหวิวๆ เสียงของมามาก็คงระบมบอบช้ำพอๆ กับหัวใจ มีน้ำตาซึมๆอยู่ที่ขอบตา แต่ไม่ไหลรินให้เห็น อาจจะไหลล้นเต็มอยู่ในหัวอก หรือไม่ก็สะอื้นไห้จนเหือดแห้งหายไปแล้วก็ได้ในวันที่ลูกเสียชีวิต
และด้วยการเป็นศรัทธาชน ที่เชื่อว่าการเกิดตายเป็นไปตามลิขิตของพระเจ้า มามาจึงดูสงบนิ่งเยือกเย็น ไม่ต่างจากภรรยาสาวของยีลี “นุสรี เวาะมะ” ซึ่งเป็นครูสอนอัลกรุอาน วัย 22 ปี ที่เพิ่งครองคู่กันมาเพียงแค่ 8 เดือน เธอก็ดูสงบนิ่งไม่แพ้กัน ภายใต้ผ้าคลุมปิดหน้าสีดำ
ครอบครัวที่เป็นผู้สูญเสียมุสลิมส่วนใหญ่มักจะเก็บอาการ ไม่แสดงออกถึงความโศกเศร้าสูญเสียอย่างรุนแรงให้เห็นกันได้ง่ายๆ เป็นเพราะมีศาสนาช่วยปลอบประโลมเยียวยาจิตใจ รวมทั้งช่วยลดทอนความโกรธแค้น ขมขื่น ด้วยเหตุนี้ เมื่อถามว่ามามามีอะไรจะฝากไปยังผู้ก่อเหตุ เธอจึงไม่มีอะไรฝากอย่างมีอารมณ์ เว้นแต่บอกด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ว่า “ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก สงสารคนที่ต้องทำมาหากิน”
ความกังวลของมามา ดูเหมือนจะมีเรื่องเดียว นั่นก็คือ การสูญเสียลูกชายคนนี้ไป ก็เหมือนกับขาดหัวหน้าครอบครัวไป ความหวังที่จะให้เขาสืบทอดกิจการร้านค้าที่ทำมาสิบกว่า ปี ในขณะที่ลูกคนอื่นๆ ยังอยู่ในวัยเรียน เป็นอันต้องดับสูญไป
เมื่อถามว่า เธอจะไปขายของในตลาดอีกไหม เธอบอกว่าก็ต้องไป เพราะนี่เป็นอาชีพของเธอ ถ้าไม่ค้าขายแล้ว จะไปทำอะไรกิน ในเมื่อเธอค้าขายในตลาดที่นั่นมาตั้ง 15 ปีแล้ว
พ่อค้า แม่ค้าหลายคนก็คงไม่ต่างจากเธอ กลัวก็กลัวนะ แต่ยังคงต้องไปทำมาค้าขายในตลาดเป็นประจำทุกวัน ก็คงไม่ต่างจากคนซื้อ สักพักก็คงต้องกลับมาจับจ่ายใช้สอยในตลาดกันใหม่เช่นเคย ตลาดจึงเป็นพื้นที่สาธารณะ ที่ผู้คนได้มาทำกิจกรรมที่สำคัญในชีวิตประจำวันร่วมกัน
และสำหรับชาวตลาด เช่นมามา รวมทั้งบรรดาพ่อค้า แม่ค้าทั้งหลายแล้ว “ตลาด” เป็นแหล่งหาเลี้ยงชีพอันสุจริต ของคนหาเช้ากินค่ำ ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่มีคนอยู่ข้างหลัง ให้ต้องรับผิดชอบดูแล
“ตลาด” จึงเป็นเสมือนลมหายใจของชีวิตชาวตลาดทุกคน
อย่าทำร้ายตลาดเลยนะ!
————————————————
โซรยา จามจุรี และคำนึง ชำนาญกิจ บันทึกเรื่องราว