วันที่ 12 มกราคม บรรดาเอกอัครราชทูตของกลุ่มประเทศแอฟริกันในองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องเป็นเอกฉันท์ให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ถอนคำพูด และขออภัยที่เรียกชาติผู้ลี้ภัยว่า “พวกประเทศโสโครก” (shithole countries)
ถ้อยแถลงร่วมจากกลุ่มทูตแอฟริกันระบุว่า “รู้สึกตกใจ และขอประณามอย่างรุนแรงต่อคำพูดของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อ ซึ่งสะท้อนถึงการเหยียดเชื้อชาติและเกลียดกลัวชาวต่างชาติอย่างที่ไม่อาจรับได้”
หลังจากที่ได้ประชุมเพื่อหารือแนวทางตอบโต้คำพูดของทรัมป์ กลุ่มทูตแอฟริกันชี้ว่า “รู้สึกเป็นกังวลที่รัฐบาลสหรัฐฯ มีแนวโน้มมากยิ่งขึ้นที่จะดูหมิ่นเหยียดหยามทวีปและประชากรผิวสี”
นอกจากเรียกร้องให้ ทรัมป์ “ถอนคำพูดและกล่าวขออภัย” แล้ว ทูตแอฟริกันทั้ง 54 ประเทศยังขอบคุณชาวอเมริกัน “ทุกชนชั้นวรรณะที่ช่วยกันประณามถ้อยแถลงดังกล่าว”
กลุ่มทูตแอฟริกันได้แถลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์หลังจากประชุมหารือกันเป็นเวลา 4 ชั่วโมง
ทูตคนหนึ่งเปิดเผยว่า พวกเขาตัดสินใจประกาศจุดยืนร่วมโดยไม่ได้ขอคำปรึกษาจากรัฐบาลของตน และเชื่อว่าทูตบางคนอาจถูกคนในรัฐบาลโทรมาตำหนิ เนื่องจากคำแถลงร่วมซึ่งใช้ถ้อยคำค่อนข้างแรง
เมื่อวันพฤหัสบดี (11) ทรัมป์ ได้ประชุมร่วมกับเหล่าส.ส. เพื่อหารือเรื่องการปฏิรูปคนเข้าเมือง ระหว่างนั้นได้มี ส.ส. บางคนหยิบยกเรื่องการปกป้องผู้อพยพจากชาติแอฟริกัน, เฮติ และเอลซัลวาดอร์ขึ้นมาพูด ทำให้ ทรัมป์ ตั้งคำถามกลับไปว่า เหตุใดสหรัฐฯ จึงต้องอ้าแขนรับพลเมืองจาก “ประเทศโสโครก” เหล่านี้ แทนที่จะเป็นประเทศร่ำรวยและมีประชากรผิวขาวเป็นส่วนใหญ่อย่าง นอร์เวย์ เป็นต้น
ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความบ่ายเบี่ยงเมื่อเช้าวันศุกร์ (12) ว่า อันที่จริงตนไม่ได้ใช้ภาษาที่รุนแรงเช่นนั้น
“ภาษาที่ผมใช้ตอนประชุม DACA มันอาจจะรุนแรงจริง แต่ไม่ใช่แบบที่สื่อเอาไปรายงาน” ทรัมป์ กล่าว โดยอ้างถึงรายงานที่ปรากฏในสื่อชั้นนำอย่างวอชิงตันโพสต์และนิวยอร์กไทม์ส
สหภาพแอฟริกาทั้ง 55 ประเทศได้แถลงประณามคำพูดของทรัมป์ ขณะที่รัฐบาลบอตสวานาและเซเนกัลถึงกับเรียกทูตสหรัฐฯ มาตำหนิ
ถ้อยแถลงร่วมจากกลุ่มทูตแอฟริกันระบุว่า “รู้สึกตกใจ และขอประณามอย่างรุนแรงต่อคำพูดของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อ ซึ่งสะท้อนถึงการเหยียดเชื้อชาติและเกลียดกลัวชาวต่างชาติอย่างที่ไม่อาจรับได้”
หลังจากที่ได้ประชุมเพื่อหารือแนวทางตอบโต้คำพูดของทรัมป์ กลุ่มทูตแอฟริกันชี้ว่า “รู้สึกเป็นกังวลที่รัฐบาลสหรัฐฯ มีแนวโน้มมากยิ่งขึ้นที่จะดูหมิ่นเหยียดหยามทวีปและประชากรผิวสี”
นอกจากเรียกร้องให้ ทรัมป์ “ถอนคำพูดและกล่าวขออภัย” แล้ว ทูตแอฟริกันทั้ง 54 ประเทศยังขอบคุณชาวอเมริกัน “ทุกชนชั้นวรรณะที่ช่วยกันประณามถ้อยแถลงดังกล่าว”
กลุ่มทูตแอฟริกันได้แถลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์หลังจากประชุมหารือกันเป็นเวลา 4 ชั่วโมง
ทูตคนหนึ่งเปิดเผยว่า พวกเขาตัดสินใจประกาศจุดยืนร่วมโดยไม่ได้ขอคำปรึกษาจากรัฐบาลของตน และเชื่อว่าทูตบางคนอาจถูกคนในรัฐบาลโทรมาตำหนิ เนื่องจากคำแถลงร่วมซึ่งใช้ถ้อยคำค่อนข้างแรง
เมื่อวันพฤหัสบดี (11) ทรัมป์ ได้ประชุมร่วมกับเหล่าส.ส. เพื่อหารือเรื่องการปฏิรูปคนเข้าเมือง ระหว่างนั้นได้มี ส.ส. บางคนหยิบยกเรื่องการปกป้องผู้อพยพจากชาติแอฟริกัน, เฮติ และเอลซัลวาดอร์ขึ้นมาพูด ทำให้ ทรัมป์ ตั้งคำถามกลับไปว่า เหตุใดสหรัฐฯ จึงต้องอ้าแขนรับพลเมืองจาก “ประเทศโสโครก” เหล่านี้ แทนที่จะเป็นประเทศร่ำรวยและมีประชากรผิวขาวเป็นส่วนใหญ่อย่าง นอร์เวย์ เป็นต้น
ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความบ่ายเบี่ยงเมื่อเช้าวันศุกร์ (12) ว่า อันที่จริงตนไม่ได้ใช้ภาษาที่รุนแรงเช่นนั้น
“ภาษาที่ผมใช้ตอนประชุม DACA มันอาจจะรุนแรงจริง แต่ไม่ใช่แบบที่สื่อเอาไปรายงาน” ทรัมป์ กล่าว โดยอ้างถึงรายงานที่ปรากฏในสื่อชั้นนำอย่างวอชิงตันโพสต์และนิวยอร์กไทม์ส
สหภาพแอฟริกาทั้ง 55 ประเทศได้แถลงประณามคำพูดของทรัมป์ ขณะที่รัฐบาลบอตสวานาและเซเนกัลถึงกับเรียกทูตสหรัฐฯ มาตำหนิ
