“เข้ารับอิสลาม เพราะคำสอน ไม่ใช่เพราะมุสลิม”
เป็นการเข้ารับอิสลามของคู่สามีภรรยาที่น่าศึกษามาก อย่าทำให้อิสลามเป็นเรื่องยากเลย อะไรๆก็ “บิดอะห์”
…เราอยู่ร่วมกับสังคมมุสลิมมาเป็นเวลากว่า 2 ปี ที่พัฒนาการ 38 โดยอยู่ร่วมกับมุสลิมวัยรุ่นที่มาเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต
ช่วง 2 ปีที่อยู่ไม่ได้รู้สึกว่าอิสลามดีตรงไหน มุสลิมที่เราคลุกคลีสอนให้เรารู้ว่าอิสลามยุ่งยากมาก แม้แต่เราไปยืมจานเขามาใส่กับข้าว เขาก็ไม่ให้เรากลัวเราเอาไปใส่หมู ถ้าเราเอาจานใส่หมูไปกินกับเขา เขาก็ต้องเอากระดาษหนังสือพิมพ์มารองจานที่เรากินเพื่อไม่ให้จานที่ใส่หมูของเราสัมผัสพื้นห้องของเขา
จนเราพูดกับสามีว่าเขาคนละพวกกับเรา ต่อให้คุยกันได้แต่พวกเขากับเราเหมือนอยู่คนละประเทศกัน
แต่เรื่องที่เขาอธิบายเรื่องคลุมผม และเรื่องหลักๆของอิสลามเรารับฟังได้อยู่
แต่เรื่องกินอาหารด้วยกันนี่รับไม่ได้ ที่สำคัญเราถามเรื่องอิสลามกับเขา
เขามักจะตอบไม่ได้และไม่ชัดเจน เหมือนกับว่าเป็นมุสลิมแค่นามบัตรเฉยๆ จากช่วงแรกๆที่เราถามเรื่องของอิสลามก็จบไปกลายเป็นคุยกันแต่เรื่องหนังเพลงเรื่องทางโลกทั่วไป
จากนั้นปีที่ 3 มาถึง ดิฉันและสามีย้ายลงมาอยู่ชั้น 1
แต่เดิมอยู่ชั้น 4 ได้คลุกคลี กับ บังคนหนึ่งซึ่งเคยเป็นคนพุทธมาก่อน
บังคนนี้ทำให้ภาพอิสลามที่เห็นแก่ตัวเปลี่ยนไป แกทุ่มเท ใส่ใจเรา 2 สามีภรรยา
ต้องการอะไรในการย้ายและแต่งห้องแกก็หามาให้ มีอะไรแบ่งมาให้กินไม่ขาด
แกซื้อใจเรา 2 คนได้ และเราเริ่มรู้สึกดีกับอิสลามแล้วล่ะ
และสามีเล่าให้แกฟังเรื่องมุสลิมข้างบนว่าอิสลามยุ่งยาก อะไรๆก็ไม่ได้ ห้ามไปหมด
ทำให้รู้สึกว่าอะไรกันนักหนาอิสลาม แต่บังแกกลับบอกว่า ก็เพราะมันเป็นอย่างนี้น่ะสิ
คนต่างศาสนาถึงหนีกันหมด เกลียดอิสลามกันหมด ก็เพราะรู้แบบผิดๆ ปฏิบัติแบบผิด
จริง ๆ อิสลามง่ายนิดเดียว แกก็เริ่มบอกให้สามีฟังว่าจริงๆแล้วอิสลามดีและง่ายยังไง
บังชอบมาพูดเรื่องพระเจ้าให้สามีฟัง สามีก็คุยเรื่องพระเยซูสู่กันฟัง ไม่นานสามีก็มาพูดแปลก ๆ กับดิฉัน
สามีบอกว่าคริสต์กับอิสลามเหมือนกันมาก ฉันก็ไม่สนใจ ไร้สาระพระเจ้าบ้าบออะไรกัน
ฉันก็เถียงเอาเรื่องพุทธศาสนามาแย้ง จากนั้นทุกคืนถึง ตี 2 ตี 3 สงครามเรื่องศาสนาในมุ้งก็มีทุกคืน
เราทะเลาะกันบ่อย แทบทุกวัน วันหนึ่งสามีบอกเขาเข้าอิสลาม ดิฉันขอร้องอย่าได้ไหม ฉันรับไม่ได้
สามีก็ยอม สามีบอกว่าเขาเชื่อว่าพระเจ้ามีจริง คริสต์ไม่รู้ว่าพระเจ้าคือใครกันแน่
แต่อิสลามตอบคำถามได้หมดทุกอย่าง สามียังบอกอีกว่าสิ่งที่พระเจ้าเกลียดที่สุด คือการกราบไหว้รูปปั้น
ไม่มีทางได้ขึ้นสวรรค์ สิ่งอื่นพระเจ้าอภัยโทษให้ได้ ยกเว้นเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น
คำพูดนี้เป็นคำพูดที่มันหลอนอยู่ในใจฉัน ทุกวันเวลาเดินผ่านศาลพระภูมิ
มือฉันจะยกขึ้นไหว้แบบไม่ต้องสั่งเพราะมันอยู่ในสายเลือด แต่วันนี้ฉันแค่เดินผ่าน
และหันมองที่รูปปั้นเท่านั้น ในใจคิดว่า ไม่กล้าไหว้ ถ้าเกิดมีพระเจ้าขึ้นมาจริงๆ ซวยแน่
ฉันไม่ได้ไหว้พระและรูปปั้นมาหลายวันแล้ว และเริ่มทำใจยอมรับได้แล้วว่าสามีไม่ได้พูดเล่น
ฉันกลับไปบอกสามีว่า ฉันไม่ได้ไหว้รูปปั้นแล้ว แต่ขอเวลา 2 ปี ค่อยเข้าอิสลามนะ สามีก็ตกลง
จากนั้น ไม่นาน ฉันก็เริ่มสงสัย อิสลามมันมีอะไรแน่ ฉันถามสามีหลายอย่างเขาตอบไม่ได้
เขาให้ไปถามบัง ฉันหยิ่ง ฉันไม่ถาม แต่ ฉันเข้าอินเตอร์เน็ต
ฉันค้นหาคำว่าอิสลาม และเจาะลึกเข้าไปทุกทีๆ จากอดีตที่อิสลามบันทึก ปัจจุบันวิทยาศาสตร์คั้นพบ
ว่ามีจริง และ นั่นกลับตรงกับสิ่งที่พระเจ้าของอิสลามบอกไว้ น่าทึ่ง และฉันค้นพบเรื่องศาสนาพุทธของฉันว่า
หลาย ๆ คำ มีความหมายหมายถึงพระเจ้า ไม่ได ้หมายถึง สิทธัตถะ ศาสดาของศาสนาพุทธ น่าทึ่ง !
และที่สำคัญ สิทธัตถะ ไม่เคยสั่งสอนให้ไหว้รูปปั้น ศาลพระภูมิ อะไรทั้งนั้น
ท่านยังบอกอีกว่า อย่าไปกราบไหว้มันเลย มันไม่ได้คุณประโยชน์อะไรกับเราหรอก
ใช่สิ ฉันเชื่อศาสดาของฉัน ฉันยิ่งมั่นใจว่าฉันจะไม่ไหว้ อีกอย่างฉันระลึกเสมอว่า
สิทธัตถะสอน ไม่ให้เชื่ออะไรง่ายๆ ให้พิสูจน์ด้วยตนเองให้รู้แจ้งค่อยเชื่อ
นี่ไงฉันกำลังทำตามพระพุทธเจ้าของฉันสอน
และการทำตามพระพุทธเจ้าของฉันสอนนี้กำลังนำฉันมาสู่ความเชื่อใหม่
ใจฉันยอมรับแล้ว แต่ยังไม่รู้สึกรัก รู้สึกแค่ว่าพระเจ้าคือคนแปลกหน้าเสมือนพ่อเลี้ยง
จะให้รักเหมือนพ่อแท้ๆ ได้ไง ทำไม่ได้ สามีจึงปรึกษาบัง บังบอกว่ารอให้ศรัทธาก่อนค่อยเข้า
หาศรัทธาให้เจอ ฉันบอกว่าตอนนี้ยังหาไม่เจอ จนวันหนึ่ง บังบอกให้คุยกับลูกเขย ของบังซึ่งคนนี้แน่นเรื่องศาสนา สามีก็ถามข้อข้องใจบังเขาก็เคลียร์ซะกระจ่างใจเลยที่เดียวเข้าใจอิสลามชัดเจนเข้าไปอีก ตาฉันถามละ
บังคะ หนูสงสัย พระเจ้าทำไมให้สวรรค์แค่มุสลิม แล้วคนอื่นที่ไม่เคยรู้เรื่องพระเจ้าล่ะ จะยุติธรรมกับเขาได้ยังไง
วันนั้นพระเจ้าจะทดสอบให้ลองเข้าประตูนรก สวรรค์ เพื่อดูหัวใจเขาว่าคนต่างศาสนาคนนั้น
จะเชื่อพระเจ้าไหม หากพระองค์สั่งให้เข้าประตูนรก หากเขาเข้าแสดงว่าเชื่อฟังประตูนรกนั้นจะเป็นประตูสวรรค์
แต่ถ้าใครทำตรงข้ามไม่เชื่อฟัง เห็นประตูนรกแล้วไม่เข้าทั้งที่พระเจ้าสั่ง แต่ไปเข้าประตูสวรรค์ นั่นล่ะคือประตูนรก บังยกตัวอย่าง
บัง หนูหาศรัทธาไม่เจอ บังพ่อตาบังบอกให้หาศรัทธาให้เจอก่อนค่อยเข้าก็ได้
บังย้อนถามกลับว่า แล้วเชื่อไหม ว่าพระเจ้ามีจริง
เชื่อค่ะ
บังพูดว่า นั่นล่ะเขาเรียกว่า ศรัทธาแล้ว ศรัทธาคือความเชื่อไง
ฉันถามต่อว่า ยังไงก็ยังไม่อยากเข้าอยู่ดี ละหมาดก็ไม่เป็น เสื้อผ้าก็ไม่มี
อยากให้พร้อมให้เป็นก่อนค่อยเข้าไม่อยากให้มีบาปปนเปื้อน ทำบาปมาเยอะต้องการขาวสะอาดจริงๆ
บังบอกว่า ไม่ต้อง เข้าก่อนพร้อมเมื่อไรก็ค่อยทำ ละหมาดไม่เป็นก็เข้าได้ ค่อยๆศึกษาได้
ไม่จำเป็นต้องทำเป็นก่อนค่อยเข้า แล้วความรักในพระเจ้าจะเพิ่มมากขึ้นเอง”
ฉันลืมบอก วันนั้นเองเป็นวันที่ฉัน รับอิสลามพร้อมสามี คุณรู้ไหมวันนั้นเป็นวันอะไร วันมาฆบูชา วันพระใหญ่ ของชาวพุทธ ฉันไม่ได้ไปตักบาตรตอนเช้าเหมือนคนอื่น และตอนค่ำก็ไม่ได้ไปเวียนเทียนด้วย แต่คืนวันนั้นเองฉันกลับรับอิสลาม
ฉันอยากบอกว่า ฉันรับอิสลามเพราะความศรัทธาในศาสนา
ไม่ใช่รับเพราะดูการกระทำตัวของมุสลิมหรือถูกมุสลิมเป่าหูมา
เพราะฉันฟังจากมุสลิมแล้วฉันไม่ได้เชื่อ แต่ฉันไปศึกษาค้นคว้าหาคำตอบด้วยตนเอง
แล้วการศึกษาหาคำตอบของฉันนั้นทำให้ฉันทึ่งในหลักคำสอนที่ละเอียดอ่อนมาก
อิสลามสอนทุกเรื่อง และวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงตามที่อิสลามสอนมาแล้ว
เป็นเวลากว่าพันสี่ร้อยปี เช่น อิสลามห้ามผู้ชายใส่ทองมานานแล้ว
มาปัจจุบันวงการวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็มาพิสูจน์ได้ว่า
ทองมีผลต่อการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายจริง
และเรื่องที่สำคัญมากอีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องการกำเนิดตัวอ่อน
ในคุมภีร์อัลกุรอาน อัลลอฮฺบอกไว้ชัดเจน ว่าก่อนจะเป็นทารกที่สมบูรณ
์ในระบบอวัยวะมีส่วนเกิดก่อน เกิดหลัง นักวิทยาศาสตร์ก็มาค้นพบด้วยกล้องจุลทรรศน์
ทีหลังว่าตรงกับที่กรุอานกล่าวไว้อย่างชัดเจน โดยที่นักวิทยาศาสตร์ท่านนั้นบอกเองว่า
เป็นไปไม่ได้ที่คนโบราณสมัยก่อนจะรู้เรื่องราวในร่างกายมนุษย์ที่น่ามหัศจรรย์ได้ละเอียดขนาดนี้
สมัยก่อนไม่มีกล้องจุลทรรศน์ การแพทย์ก็ไม่ได้ก้าวหน้าเหมือนยุคนี้ คนที่จะรู้เรื่องราวและอธิบายการกำเนิดตัวอ่อนในครรภ์มารดาได้ตรงและละเอียดขนาดนี้คือคนที่สร้างมนุษย์เท่านั้น
นี่เพียงแค่ สองเรื่องเท่านั้นที่ฉันศ้นคว้าหาความจริง
สองเรื่องนี้ก็ระบุให้เห็นชัดเจนแล้วว่าอิสลามนี่ล่ะคือวิทยาศาสตร์ ล้วนๆ อธิบายได้หมดทุกอย่าง
ฉันยิ่งค้นคว้าฉันก็ยิ่งเข้าลึกเข้าไปในเรื่องราวการสอนของอิสลามและคำสอนนั้น
พระเจ้าสั่งให้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันซึ่งมันพิสูจน์ได้หมดตามวิทยาศาสตร์ที่ฉันเชื่อ
อย่างนี้หรือเรียกว่างมงาย สิ่งที่พิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์คนส่วนใหญ่เชื่อถือไม่ใช่หรือ
ก็อิสลามนี่ไงวิทยาศาสตร์ล้วนๆ แล้วทำไมยังว่าอิสลามงมงายกันอีก
แล้วหลายคนยังกราบไหว้สิ่งที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ นี่ยิ่งไม่หลงงมงายกว่าอีกหรือ
ฉันคิดนะว่า แม้อิสลามจะกราบไหว้พระเจ้าที่มองไม่เห็น ( ซึ่งดูงมงายในสายตาคนที่เชื่อเรื่องพระเจ้า )
แต่การไหว้พระเจ้าของอิสลามไม่ได้เสียเงิน ไม่ต้องซื้อของเซ่นไหว้ แค่ก้มๆเงย 5 เวลาต่อวัน
แล้วก็ทำความดี แค่นี้เอง ไม่เดือดร้อนกระเป๋าสตางค์ ระดับพระเจ้าแล้วท่านไม่กินของหยาบแบบเราหรอก
พระองค์อิ่มทิพย์ไม่มีอารมณ์ใฝ่ต่ำแบบพวกเราหรอก
ฉันคิดไปอีกว่าตอนที่ฉันกราบไหว้รูปปั้นนั้น ไหว้ทำไม
ถ้าเป็นระดับเทพยาดาแล้วทำไมต้องกินของเซ่นไหว้ด้วย
ถ้ากินของที่มนุษย์กินก็เท่ากับว่าเทพเหล่านั้นไม่ได้ต่างกับมนุษย์เลย
เมื่อไม่ต่างแล้วจะให้ความสำคัญ เคารพกราบไหว้ทำไม มีแต่เสียเงิน
เอาไปบริจาคช่วยเหลือคนจนดีกว่าเสียอีก แล้วลองไม่เซ่นไหว้สิ มันก็มาเข้าสิง
ทำให้เรากลัว มันจะได้กินของจากเราอีก นั่นหรือพระเจ้าที่แท้จริง ต้องขอมนุษย์กินด้วยหรือ
มีคนว่าฉันงมงายเรื่องพระเจ้า ฉันอยากย้อนถามกลับไปว่า ที่พวกชาวคริสต์ล่ะ พวกคุณชอบไม่ใช่หรือ ประเพณีการแต่งงานของเขา การแต่งตัวของเขา วัฒนธรรมของฝรั่งคนทั่วโลกก็นำมาใช้แล้วคิดว่าหรูหราทันสมัย คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า พวกเขาส่วนมากเป็นคริสต์นะ แล้วคริสต์นับถืออะไร พระเจ้าไง นั่นไง อย่างนี้ชาวคริสต์ก็งมงายสินับถือพระเจ้าด้วย แต่ทำไมไม่ว่าคริสต์งมงายล่ะ ทีอิสลามเชื่อเรื่องพระเจ้ากลับถูกว่า หรือเพราะอิสลามแต่งตัวโบราณ ไม่ใส่สูตหรูๆ เลยถูกเหมาว่างมงาย วัดกันที่การแต่งกายนั่นเอง
อิสลามละหมาด 5 เวลาโดนว่าว่ายุ่งยากเรื่องมาก เขาไปทำความดีในมัสยิดนะ
แต่ทีคนส่วนมากไปกินเหล้า เที่ยว ไม่เห็นจะโดนว่าเลย โลกนี้มันเห็นผิดเป็นชอบหมดแล้วจริงๆความชั่วถูกยกให้ถูกต้อง เช่นการพนัน หวย ก็ถูกเอามาขายเสรี พออิสลามต่อต้านก็ว่าไม่ปรับตัวเข้ากับยุคสมัย จะปรับไปทำไม ปรับไปทำความชั่วนี่นะน่าภูมิใจเหลือเกิน
ผู้หญิงมุสลิมคลุมผม แต่งตัวมิดชิดก็ถูกตำหนิ แนะนำให้นุ่งน้อยห่มน้อย ให้นำไปสู่การถูกข่มขืน นี่มันดีหรือกับการให้ปรับตัวเข้ากับสมัยใหม่ น่าสมเพศกับกลุ่มชนที่คิดได้แค่นี้
ศาสนาที่มาจากพระเจ้าย่อมไม่มีที่ติ แต่ถ้าเป็นศาสนาที่มนุษย์คิดขึ้นมาเองคงตอบคำถามทุกข้อสงสัยไม่ได้ เพราะมนุษย์ไม่ได้เป็นคนสร้างทุกอย่างบนโลกนี้ แต่พระเจ้าซี่งเป็นผู้ที่สร้างย่อมรู้ดีและอธิบายความจริงได้ชัดแจ้งกว่ามนุษย์คนใด
ฉันและสามีเป็นมุสลิมแล้ว และฉันพึ่งรู้เดี่ยวนี้เองว่า สังคมมุสลิมเป็นสังคมที่ช่วยเหลือกันอย่างมาก ช่วยกันด้วยหัวใจบริสุทธิ์จริงๆ มีปัญหานิดเดียวแต่พี่น้องมุสลิมมาหามาช่วยถึงที่ ไม่เคยทอดทิ้งฉันและสามีเลย ฉันไม่เคยอยู่ในสังคมแบบนี้ สังคมที่ไม่กล้านินทา ไม่กล้าคิดร้ายต่อพี่น้องของเขาเอง เขายำเกรงพระเจ้าในทุกกริยาอาการแม้แต่ความคิด เขาทำดีกับพี่น้องมุสลิมเพื่อถวายพระเจ้าของเขา เขาไม่ทำชั่วเพราะยำเกรงพระเจ้าของเขา
เมื่อได้เข้ามาคลุกคลีกับมุสลิม ทำให้ได้รู้หลายๆอย่างว่าข่าวที่ประโคมตามทีวีว่ามุสลิมก่อการร้ายหัวรุนแรงนั้น จริงๆแล้วไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเลย ทำไมเขาต้องทำแบบนั้น ถ้าพ่อแม่ฉันถูกฆ่า น้องสาวถูกลากไปข่มขืนต่อหน้าต่อตา ก็ไม่แปลกนะที่ฉันจะลุูกมาต่อสู้แบบนั้น มุสลิมไม่ได้คิดจะทำสงครามง่ายๆหรอก ถ้าเขาไม่ถูกรุกรานเกินทนได้จริง ๆ เพราะศาสนาอิสลามไม่ได้สอนให้ทำสงครามง่ายๆ ภาพทหารอเมริการุกราน ฆ่ามุสลิมที่บริสุทธิ์ ข่มขืนผู้หญิงมุสลิม ฆ่าพ่อของลูกเล็กๆที่ยังแบเบาะ ฆ่าแม่ของเด็กน้อยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือแม้แต่เด็กตัวเล็กที่ถูกฆ่าด้วยความตั้งใจ ทำไมมันหาดูยากนัก ทำไมมันไม่ถูกแพร่ภาพไปทั่วโลกบ้าง มุสลิมตัดคอตัวประกันคนเดียวเป็นข่าวถูกประณามทั่วโลก ทหารอเมริกาฆ่ามุสลิมไปกี่พันหมื่นครอบครัวทำไมมันไม่ถูกประณามบ้าง มันก็ได้แค่พูดว่าเป็นความผิดพลาดแล้วให้ข้อมูลเท็จตลอด ฆ่าไปเป็นร้อยแต่บอกว่ามุสลิมตายไม่ถึง 10 ทำนองนี้เสมอ
ถ้าคุณได้เห็นภาพลับต่างๆที่อเมริกา ยิว อังกฤษ เดนมาร์ก หัวโจกเหล่านี้ทำเลวไว้กับมุสลิม
แล้วคุณจะรู้ว่าสิ่งที่คุณรู้เกี่ยวมุสลิมก่อการร้ายนั้นคุณคิดผิด คุณบริโภคข่าวเท็จตลอด ฉันขอพระพรต่อพระเจ้าของฉันให้ความเลวของชนชาติที่รังแกอิสลามมันถูกประณามและประจักษ์แก่สายตาคนทั่วโลก เพื่อที่คนพวกนั้นจะได้ตาสว่างและมองภาพมุสลิมใหม่เสียที
@Somsak Chotchuang