วันที่ 27 กันยายน ตามที่เกิดปัญหาการเดินทางของบรรดาฮุจยาตจากกรุงเทพฯ ได้เดินทางไปปฏิบัติอิบาดะห์ที่มาดีนะห์ ต้องการความสะดวกในการเดินทางเนื่องจากต้องย้อนกลับไปขึ้นเครื่องบินเพื่อกลับประเทศไทยที่เจดดะห์ ห่างจากมาดีนะห์ประมาณ 500 กิโลเมตร โดยก่อนหน้านี้ สำนักจุฬาราชมนตรี โดยนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ได้เล็งเห็ยควายากลำบากของพี่น้องฮุจยาตจึงได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความช่วยเหลือสั่งการให้บริษัทการบินไทย เจรจากับทางการซาอุฯ เพื่อบินไปรับฮุจยาตที่มาดีนะห์
หนังสือของจุฬาราชมนตรี ส่งมาไปยังนายกรัฐมนตรีก่อนพิธีฮัจย์ ผ่านมากว่า 1 เดือนไม่มีเสียงตอบรับจากผู้ที่เกี่ยวข้อง มีรายงานว่า หลังได้รับหนังสือนายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งไปยังกระทรวงมหาดไทย ส่งต่อไปยังกรมการปกครอง และกองกิจการฮัจย์ และมีการประสานไปยังบริษัทการบินไทย ซึ่งการบินไทยได้เจรจากับท่าอากาศยานซาอุฯ ทราบว่า สามารถเปลี่ยนสนามบินได้ แต่บริษัทการบินไทย จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 10 ล้านบาท แต่ไม่มีการยืนยันจากผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
“กรณีนี้เงียบมาก ตั้งแต่จุฬาราชมนตรีทำหนังสือไปถึงนายกรัฐมนตรี ไม่มีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตอบหนังสือกลับมาเลยว่า ได้ดำเนินการอย่างไร ได้หรือไม่ได้ตามที่ร้องขอ หรือไมีอุปสรรคอะไร อย่างข่าวต้องจ่่ายเพิ่ม 10 ล้านก็ไม่มีผู้ประกอบการคนใดได้รับการประสานงาน เป็นเพียงข่าว จึงทำให้รู้สึกวิตกกังวลว่า หน่วยราชการไม่เห็นความสำคัญของจุฬาราชมนตรีที่ถือเป็นประมุขของพี่น้องมุสลิม หนังสือที่ส่งไปเหมือนเศษกระดาษ ไม่มีการตอบ เรื่องเดินทางของฮุจยาต ไม่ใช่ปัญหา ทุกคนรับภสพได้ เพราะมาปฏิบัติอิบาดะห์ แม้จะยากลำบากก็ต้องอดทน แต่น่าห่วงเรื่องที่จุฬาฯไม่ได้รับความสำคัญมากกว่า” ผู้ประกอบการรายหนึ่ง กล่าว
