เหตุเจ้าหน้าที่วิสามัญฯคนร้ายา 1 ศพ“สุดิง มามะ”มือระเบิดบิ๊กซีปัตตานี จับเป็นได้อีก 2 ส่วนที่เหลือหนีรอดหวุดหวิด เผยล้วนแต่ประวัติโชกโชนเป็นผู้ต้องหาวางระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ ชาวบ้านให้เบาะแสหลังพบเข้ามามั่วสุม ด้านผบ.ฉก.ปัตตานี สั่งระดมกำลังปิดเมืองล่าคาดยังอยู่ในพื้นที่ เนื่องเจ้าหน้าที่ห่วง ผู้ให้ที่พักพิง จะมีความผิด
เมื่อวันที่ 12 ก.ค.60 กำลังเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วย ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและไล่ล่าติดตามคนที่หลบหนีในพื้นที่ บ้านปะกาฮะรัง ม.5 ต.ปะกาฮะรัง อ.เมือง จ.ปัตตานี จากเหตุ เจ้าหน้าที่ทหารปะทะกับคนร้าย เป็นเหตุให้คนร้ายถูกวิสามัญเสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา
สำหรับคนร้ายเสียชีวิตทราบชื่อคือ นายสุดิง มามะ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 ม.1 ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลปัตตานี ในข้อหาร่วมก่อเหตุระเบิดห้างบิ๊กซีปัตตานีเมื่อวันที่ 9 พ.ค.60 ที่ผ่านมา มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 50 ราย โดยที่ลำตัวมีบาดแผลถูกยิง จำนวน 5 นัด ข้างตัวพบอาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 2 ราย และหนีรอดได้อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายที่หนีรอดน่าจะเป็นผู้ต้องหาในคดีวางระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้และวางระเบิดบิ๊กซีปัตตานีคือ นายมะนาเซ ไซดี และนายยูโซะ แมะตีเมาะ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ เข้าเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้งหมด ได้แก่ ปืนพกสั้น เป้สนาม และเปลนอน โดยเฉพาะปืนสั้นที่ยึดได้เชื่อว่า น่าจะเคยนำไปก่อเหตุมาแล้ว จึงส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบ คาดว่าจะทราบผลไม่เกิน 3 วัน อย่างไรก็ตามสำหรับคนร้ายที่หลบหนี เจ้าหน้าที่ยังคงกระจายกำลังไล่ล่าและปิดล้อมสกัดเส้นทางเข้า-ออกทุกเส้นทาง ซึ่งการวิสามัญฯโจรใต้ครั้งนี้ทำให้เจ้าหน้าที่มีคำสั่งทุกหน่วยเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการแก้แค้น รวมทั้งเฝ้าระวังกลุ่มแนวร่วมขบวนการใช้เหตุการณ์ดังกล่าวปลุกกระแสยกย่องอาชญากรและเป็นวีรบุรุษอีกเช่นเคย ด้านพล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.ฉก.ปัตตานี กล่าวว่า จากการข่าวกรองและที่มีชาวบ้านแจ้งแบะแส พบความผิดสังเกตของกลุ่มคน เกรงว่าจะมีการรวมตัวประทำสิ่งผิดกฎหมาย จนนำไปสู่การจัดกำลังวางแผนเข้าตรวจพิสูจน์ทราบตามข้อมูลแจ้งเตือนก่อนนี้แล้ว และเกรงอาจจะเป็นไปตามข่าวนำไปสู่การวางแผนรวม 3 ฝ่าย ก่อนทำการเข้าตรวจพิสูจน์ทราบ และเกิดการต่อสู้ยิงปะทะคนร้ายเสียชีวิตดังกล่าว ทั้งนี้ได้ทำการตรวจสอบพยานหลักฐานที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะข้อมูลที่ชาวบ้านแจ้งว่ากลุ่มคนร้ายใช้บริเวณหลังมัสยิดทำการไม่เหมาะสม ซึ่งก่อนนี้เคยเกิดเหตุใช้ก่อเหตุร้ายมาแล้ว ซึ่งชาวบ้านหลายคนแสดงความรู้สึกไม่สบายใจและไม่อยากให้เรื่องร้ายต่างๆ ต้องทำให้พื้นที่หม่นหมอง พล.ต.จตุพร กล่าวว่า ชาวบ้านยังให้ข้อมูลว่าอีก 2 ราย ที่อยู่ร่วมในที่เกิดเหตุปะทะและหลบหนีไปได้นั้นคือ มีนายมะนาเซ ไซดี มีหมายจับ ป.วิ.อาญาคดีความมั่นคง 7 หมาย และนายยูโซะ แมะตีเมาะ ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุลอบวางคดีระเบิด โดยทั้ง 2 คน มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่บ้านดอนรัก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ขณะนี้ได้สั่งให้มีการสนธิกำลังร่วม 3 ฝ่าย เสริมเข้าตรวจและไล่ล่ากลุ่มคนร้ายในระยะ 5 กิโลเมตร และฝากประชาสัมพันธ์ชาวบ้านในพื้นที่ช่วยแจ้งเบาะแสคนร้ายต่อเจ้าหน้าที่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ห่วง ผู้ให้ที่พักพิง จะมีความผิด ซึ่งโดยคาดว่า จะมีแนวร่วมแอบให้การช่วยเหลือหลบหนีกบดาน ซึ่งคาดว่าอาจยังอยู่ในพื้นที่
ต่อมา จนท.ได้ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึกฯ ควบคุมตัวผู้ที่ให้ที่พักพิงฯ ส่งหน่วยซักถาม ฉก.ทพ.43 จำนวน 2 คน คือ นายเปายี ตาสะเมาะ อายุ 45 ปี และ นายอับดุลเลาะ เจ๊ะมะ อายุ 70 ปี ราษฏร ต.ปะกาฮะรัง อ.เมือง จ.ปัตตานี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินกรรมวิธี