มทภ.4/ผอ.รมน.ภาค4 ลงพื้นที่สอบเหตุวิสามัญ นายลุกมาน มะดิง

549

กอ.รมน.ภาค 4 ชี้แจงวิสามัญผู้ต้องหาตามหมายจับ ยันปฏิบัติตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก

ยะลา – กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าวชี้แจงกรณีวิสามัญ “ลุกมาน มะดิง” ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคง 5 หมายจับ เสียชีวิต ยืนยันได้ปฏิบัติตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก วันนี้ (1 ก.ค.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมกับ พ.ต.อ.ปัญญา คารวนันทน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรโกตาบารู พ.อ.สิทธิศักดิ์ เจนบรรจง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 41 และ พ.อ.อิศรา จันทะกระยอม ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 45 และหน่วยต่างๆ ได้ร่วมแถลงข่าวกรณีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 60 เวลา 20.00 น. กำลังร่วม 3 ฝ่าย ได้ทำการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา และได้เกิดการปะทะทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 1 ราย โดยในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในครั้งนี้ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาค 4 ได้เข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าวด้วย พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 60 เวลา 20.00 น. หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 41 สนธิกำลังร่วมกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมจังหวัดยะลา ชุดปฏิบัติการพิเศษชุดควบคุมที่ 543 กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ชุดปฏิบัติการข่าว หน่วยข่าวกรองทางทหารส่วนหน้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ และสถานีตำรวจภูธรโกตาบารู เข้าทำการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรง นายลุกมาน มะดิง ซึ่งมีหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 5 หมายจับ โดยได้รับแจ้งจากราษฎรในพื้นที่ว่า บุคคลดังกล่าวได้เข้ามาหลบซ่อน/พักพิงในพื้นที่ โดยเข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 57 บ้านปีแยะ หมู่ที่ 6 ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา ขณะทำการปิดล้อมตรวจค้น นายลุกมาน มะดิง ได้ใช้อาวุธปืนยิง และขว้างระเบิดมือใส่เจ้าหน้าที่ จึงทำให้เกิดการปะทะขึ้น จนเป็นเหตุให้นายลุกมาน มะดิง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/1 หมู่ที่ 3 ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา เสียชีวิต พ.อ.สิทธิศักดิ์ เจนบรรจง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 41 กล่าวว่า สำหรับการปฏิบัติการติดตามจับกุมนายลุกมาน ซึ่งมีหมายจับจำนวน 5 หมาย ก็ต้องขอบคุณพี่น้องชาว อ.รามัน ที่เป็นผู้แจ้งข่าวสารการเคลื่อนไหวของนายลุกมาน มะดิง ให้กับทางเจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปพิสูจน์ทราบ บังคับใช้กฎหมาย โดยเข้าปิดล้อมบ้านเลขที่ 57 บ้านปีแยะ หมู่ที่ 6 ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา พ.อ.อิศรา จันทะกระยอม ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 45 กล่าวว่า ส่วนรายละเอียดการปิดล้อม หลังจากได้รับการแจ้งข่าวสารจากพี่น้องในพื้นที่ ก็ได้ประสานกำลัง 3 ฝ่ายเข้าตรวจสอบ โดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักคือ เมื่อไปถึงบ้านเป้าหมายได้เชิญเจ้าของบ้านคือ นายสือดี และภรรยาออกมาพูดคุย ซึ่งจากการซักถามครั้งแรกว่ามีผู้ใดเหลืออยู่ภายในบ้านหรือไม่ ทางเจ้าของบ้านก็ไม่ยอมบอก และภายหลังภรรยาของเจ้าของบ้านก็บอกว่า มีญาติอยู่ 1 คน เจ้าหน้าที่จึงได้ให้เข้าไปเรียกออกมา แต่เมื่อภรรยาของเจ้าของบ้านออกมา เดินมาแจ้งเจ้าหน้าที่ว่า คนที่อยู่ในบ้านไม่ยอมออก ทางเจ้าหน้าที่จึงแจ้งเจ้าของบ้านว่า มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปนำตัวออกมา อาจจะต้องใช้กำลังและอาวุธ เพราะไม่มั่นใจว่าบุคคลที่อยู่ในบ้านมีอาวุธหรือไม่ แต่ทางการข่าวก็ทราบว่านายลุกมาน ซึ่งอยู่ในบ้านมีอาวุธ จึงได้ดำเนินการเข้าไปทางประตู ก็มองเห็นบุคคลเป้าหมาย จากนั้น นายลุกมาน มะดิง ก็ได้ใช้อาวุธปืนยิงออกมา 1 ชุด จำนวน 4-5 นัด ต่อมาก็ได้ดำเนินการตามยุทธวิธี จากนั้นได้เข้าปฏิบัติการครั้งที่ 2 คนร้ายได้ขว้างระเบิดออกมา การปฏิบัติการค่อนข้างยาวนานเกือบ 9 ชั่วโมง คนร้ายได้ขว้างระเบิดออกมา 5 ลูก ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็เข้าเคลียร์ตามห้องต่างๆ ในบ้าน จนกระทั่งถึงห้องสุดท้าย ก็พบนายลุกมาน ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ จึงได้เกิดการยิงปะทะขึ้น เป็นเหตุให้นายลุกมาน ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตดังกล่าว “ทางด้านการข่าวพอจะทราบว่า นายลุกมาน ซึ่งเป็นคนร้ายที่มีหมายจับ ได้เข้ามาในพื้นที่เพื่อเตรียมประชุมวางแผนการก่อเหตุกับกลุ่มคนร้าย ในเขตรอยต่อ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยเชื่อว่ามีแผนที่จะก่อเหตุในพื้นที่ จ.ยะลา ซึ่งโชคดีที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่แจ้งเบาะแส จนนำมาสู่การปิดล้อมจับกุม และวิสามัญในครั้งนี้” พ.อ.อิศรา กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ปัญญา คารวนันทน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรโกตาบารู กล่าวว่า สำหรับพฤติกรรมของนายลุกมาน มะดิง เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ และเป็นบุคคลตามหมายจับ จำนวน 5 หมายคือ หมายจับที่ 439/2559 ลงวันที่ 29 ธ.ค.59 ข้อหาร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์สินเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, หมายจับที่ 203/2559 ลงวันที่ 10 พ.ค.59 ข้อหาก่อการร้าย, หมายจับที่ 131/2559 ลงวันที่ 23 มี.ค.59 ข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน, หมายจับที่ 34/2557 ลงวันที่17 ธ.ค.57 ข้อหาร่วมกันทำและมีซึ่งวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต และหมายจับที่ 36/2556 ลงวันที่ 10 ธ.ค.56 ข้อหาร่วมกันก่อการร้าย คดีสำคัญ อาทิเช่น ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน เป็นกรณีที่นายลุกมาน ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรรามัน จ.ยะลา แล้วหลบหนีไปเมื่อปี พ.ศ.2559 “ในที่เกิดเหตุตรวจยึดอาวุธปืนพกขนาด 9 มม. ยี่ห้อบาเร็ตต้า คูก้า สีดำ จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง รวมทั้งได้ควบคุมตัว นายสือดี มาหามะ และนางสีตีมาตีเยาะ เซ็งกะจรี สามีภรรยาซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่ให้ที่พักพิงกับนายลุกมาน มะดิง ได้เข้าพักอาศัย โดยได้ควบคุมตัวไปทำการซักถามที่หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 41 สำหรับเจ้าของบ้าน ซึ่งให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงได้เข้าพักพิง ถือว่าเป็นความผิดโดยให้ที่พักพิงต่อบุคคล ซึ่งมีหมายจับ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ข้อหา ให้ที่พักพิงผู้กระทำความผิดทางอาญา อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท และหากผู้ให้ที่พักพิงให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง อาจจะเข้าข่ายเป็นเครือข่ายของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เป็นความผิดฐานก่อการร้าย อั่งยี่ หรือซ่องโจร อีกส่วนหนึ่งด้วย” ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรโกตาบารู กล่าว

พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จะได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย และขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อและให้ที่พักพิงต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง มิฉะนั้น จะถูกดำเนินการตามกฎหมายต่อไป จากกรณีดังกล่าว พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ขอแสดงความเสียใจมายังญาติผู้สูญเสีย การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามขั้นตอนแต่ผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ทำการใช้อาวุธปฏิบัติต่อเจ้าหน้าที่ ประกอบกับผู้ก่อเหตุรุนแรงมีหมายจับหลายหมาย และเคยก่อเหตุความมั่นคงหลายเหตุการณ์ จึงมีความจำเป็นจะต้องบังคับใช้กฎหมาย จึงขอเชิญชวนให้ผู้ที่หลบหนีอยู่ ร่วมแสดงตัวเพื่อร่วมพัฒนาชาติไทย และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ หรือติดต่อโดยตรงได้ที่หมายเลข 092-523-4989 ซึ่งเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของแม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เพื่อที่จะได้ช่วยกันพัฒนาพื้นที่สู่ความมั่นคงต่อไป