- นางแววตา ศุภฤกษานนท์ ชาวไทยซึ่งพักอาศัยบนชั้นที่ 10 อาคารเกรนเฟลล์ ทาวเวอร์ อาคารสูง 24 ชั้น ซึ่งเกิดเพลิงไหม้ตั้งแต่เวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 13 มิ.ย. เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า ตนเอง ลูกชาย น้องสาว และหลาน รวม 5 คน อาศัยอยู่ในแฟลตซึ่งอยู่บนอาคารดังกล่าว โดยทั้งหมดได้วิ่งหนีออกมาตั้งแต่เวลาประมาณ 04.00 น. และไม่สามารถนำสิ่งของใด ๆ ติดตัวมาได้เลย
นางแววตา วัย 62 ปี บอกอีกว่า ขณะเกิดเหตุตนยังไม่หลับ และนั่งดูโทรทัศน์อยู่ แต่ได้ยินเสียงเอะอะภายนอก จึงเปิดประตูแฟลตที่อาศัยอยู่มานาน 31 ปี ออกไปดู และพบว่ากำลังเกิดเพลิงไหม้ จึงได้ให้น้องสาววัย 50 ปีเศษ โทรศัพท์ไปแจ้ง 999 และได้รับการบอกกล่าวจากเจ้าหน้าที่ว่าไม่ให้ออกไปจากห้องพัก
“แต่พี่รอมาตั้งแต่ตีหนึ่ง จนถึงตีสี่ซึ่งไฟโหมตัวอาคารเต็มที่แล้ว ตอนนั้นคิดว่าต้องปลงเสียแล้ว รอไม่ไหวแล้ว จึงตัดสินใจเปิดหน้าต่างตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ พี่บอกว่าไอค้านท์โกเอาท์ ไอค้านท์โกเอาท์ และโบกผ้าเพื่อให้เขาเห็น หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงมาช่วย นี่เป็นบทเรียนว่าต่อไปจะไม่เชื่อเจ้าหน้าที่ที่บอกให้รอในห้องอีกแล้ว ถ้าเกิดเหตุแบบนี้ต้องหนีเอาตัวรอดก่อน”
นางแววตาเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้นำทางตนและครอบครัวออกมาจากตึก โดยวิ่งลงมาจากบันไดหนีไฟซึ่งมีสภาพมืดมิด เจ้าหน้าที่จับมือทุกคนไม่ปล่อย จนกว่าจะได้รับความช่วยเหลือออกมาอย่างปลอดภัย
“สภาพตอนนั้นเหมือนอยู่ในถ้ำ มันมืดมิดไปหมด เจ้าหน้าที่เขาใส่หน้ากากกันควันไฟ เราใช้ผ้าขนหนูคลุมปิดปากปิดจมูกออกมา ควันเข้าจมูกหายใจไม่ออก และอาเจียน พี่โดนไฟลวกที่แขนนิดหน่อย เสื้อผ้าทะลุเพราะสะเก็ดไฟ แต่รอดมาก็บุญแล้ว”
นางแววตา กล่าวด้วยว่าอาคารแห่งนี้เพิ่งปรับปรุงใหม่ ซึ่งตนไม่คิดว่าอยู่ในสภาพที่น่าอันตรายแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวบีบีซีรายงานว่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในอาคารหลังนี้และรอดชีวิตมาได้ เห็นว่าแผ่นตกแต่งผนังอาคารด้านนอกน่าจะเป็นวัสดุที่เป็นเชื้อไฟทำให้ลุกลามได้เร็วขึ้น และชาวบ้านได้แสดงความเป็นห่วงว่าอาคารอาจตกอยู่ในสภาพสุ่มเสี่ยงหากเกิดเพลิงไหม้
ล่าสุดตำรวจยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 17 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 68 คน อาคารหลังดังกล่าวมีแฟลตที่พักอาศัยราว 120 ห้อง มีผู้อาศัยประมาณ 600 คน
BBC ไทยต