กลับไทยแล้ว 2 สาวล่องหนที่เกาหลี เผยสถิติหลบหนีเข้าเมืองครึ่งแสน

217

กลับไทยแล้ว 2 สาวล่องหน จนไกด์หวิดถูกขึ้นบัญชีดำ เผยสถิติหลบหนีเข้าเมืองครึ่งแสน
หลังจากที่ นักท่องเที่ยวชาวไทย 2 คน ได้หลบหนีไปจากกรุ๊ปทัวร์เกาหลีเพื่อทำงาน ส่งผลให้ไกด์ที่เซ็นรับรองให้คนทั้งคู่เข้าเมือง มีปัญหาเสี่ยงถูกขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าเกาหลีตลอดชีวิต จนผู้คนบนโลกโซเชียลฯ ต้องช่วยกันแชร์เรื่องราวนี้ออกไปเพื่อวิงวอนให้ทั้งคู่ให้กลับไทย ล่าสุด 2 สาวจอมโดดยอมตัดสินใจกลับและเดินทางถึงประเทศไทยแล้ว ปิดฉากการตามล่าข้ามประเทศยาวนานตลอดสัปดาห์

เฟซบุ๊กแฟนเพจ “บันทึกหญิงอ้วน” ได้โพสต์อัปเดตความคืบหน้าของเหตุการณ์นี้ ว่า ทั้ง 2 คนได้เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เพจดังกล่าวก็เป็นผู้นำเรื่องราวดังกล่าวมาเผยแพร่ ใจความของโพสต์ระบุว่า เอริค – ภูริวัตน์ ธิติจารุวราวัตน์ ไกด์ของบริษัททัวร์ Journey Land ได้รับการติดต่อจากทั้ง 2 คนว่าจะยอมเดินทางกลับไทยแล้ว ต่อมาทางบริษัททัวร์ได้ให้การช่วยเหลือ ในการจัดหาตั๋วเครื่องบินและส่งทีมงานไปดูแล ซึ่งในขณะนี้ทั้งคู่ได้เดินทางมาถึงเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางเพจบันทึกของหญิงอ้วนและไกด์เอริคจึงขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชนต่างๆ ผู้ว่าราชการและจัดหางานจังหวัดอุดรธานี รวมทั้งบริษัททัวร์ ที่ช่วยเหลือทั้งค่าตั๋วเครื่องบินและประสานงาน
สุดท้ายแอดมินเพจทิ้งท้ายโพสต์ไว้ว่า การที่ประเทศเกาหลีใต้ให้สิทธิฟรีวีซ่าคนไทยสามารถอยู่เกาหลีได้ 90 วัน เพราะประเทศไทยเคยมาช่วยในสงครามเกาหลีเหนือใต้ จึงขอให้คนไทยตระหนักถึงมิตรภาพทั้งสองประเทศ อย่าทำลายความเป็นเพื่อนลงเลย ทีมข่าวผู้จัดการ Live ได้ติดต่อไปยังเพจเฟซบุ๊ก “บันทึกหญิงอ้วน” เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยแอดมินบุ๋มก็เป็น 1 ในไกด์จากบริษัททัวร์แห่งนี้เช่นเดียวกับไกด์เอริค เธอเล่าว่า ขณะนี้ไกด์เอริค ผู้ที่เป็นคนเซ็นรับรองให้กับนักท่องเที่ยว 2 คนนั้น ไม่ได้ถูกแบล็กลิสต์จากทางเกาหลีใต้แล้ว และจากบทเรียนที่เกิดขึ้นครั้งนี้ วิธีป้องกันของทางบริษัทก็คือ จะไม่มีการการันตีใดๆ ให้กับลูกค้าที่ไม่รู้จักอีกแล้ว “คุณเอริคไม่ติดแบล็กลิสต์แล้วค่ะ ส่วนตัวบุ๋มก็ทำทัวร์เกาหลีอยู่บริษัทเดียวกัน คนไทยทุกคนมีสิทธิ์เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศและอยู่ได้ตามวีซ่าเหมือนกันทุกคนค่ะ ตรงนี้อยู่ที่ดุลยพินิจของแต่ละคน หากเป็นกรณีอยากไปทำงาน แนะนำให้ไปอย่างถูกกฎหมายดีกว่าค่ะ
ที่ผ่านมาก็จะมีคนแฝงมากับกรุ๊ปทัวร์เรื่อยๆ บางคนเราอาจจะดูออก หรือบางคนก็ดูไม่ออก สิ่งที่เราจะทำหลังจากนี้คือ คงจะไม่มีการการันตีใดๆ ให้กับลูกค้าที่ไม่รู้จัก ต่อให้เขาไม่ซื้อแพ็กเกจมากับทัวร์ เขาก็สามารถซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางได้เองอยู่ดี ในแง่ของการมากับทัวร์น่าจะทำให้เขาดูเดินทางได้ง่ายกว่า แต่ความจริงแล้วก็ไม่ต่างกัน เพราะทาง ตม.เกาหลีจะเป็นผู้พิจารณาเองอีกทีอยู่ดีค่ะ”
ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นของการตามหา 2 สาวจอมโดดร่ม คือ ยุพิน จันทะแสน ลูกจ้างร้านขายยา และ ชุติมา เรืองภัทรเวช อดีตลูกจ้างหน่วยงานราชการแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี ถูกด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีกักตัว และขอความช่วยเหลือจากไกด์เอริคให้ช่วยรับรองให้ โดยอ้างว่าตั้งใจมาเที่ยวจริงๆ แต่ปรากฏว่าได้หนีออกจากโรงแรมกลางดึกในคืนวันที่ 8 มิ.ย.60 และในเวลาต่อมาก็ไม่สามารถติดต่อพวกเธอได้แล้ว จนกระทั่งแอดมินบุ๋มต้องนำเรื่องราวของเพื่อนร่วมอาชีพ มาโพสต์ลงโลกโซเชียลฯ เพื่อเรียกร้องให้กลับเมืองไทยก่อนครบกำหนดเข้าเมือง 90 วัน ไม่เช่นนั้นไกด์ที่ให้การรับรองกับ ตม.เกาหลีใต้ จะต้องถูกขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประเทศตลอดชีพ ซึ่งก็มีหลายฝ่ายยื่นมือเข้ามาช่วยติดต่อทั้งคู่ ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและจัดหางานจังหวัดอุดรธานี ที่เป็นจังหวัดบ้านเกิดของคนทั้งคู่ หลังจากที่ติดต่อได้ ท่าทีของทั้ง 2 ลูกทัวร์ในตอนแรกบอกว่า อยากจะขอทำงานต่อสัก 3 เดือน ตามที่อยู่ได้ตามวีซ่านักท่องเที่ยว เพื่อจะได้เงินสักก้อนกลับบ้าน เพราะต้องนำเงินไปใช้หนี้ที่พ่อขายวัวและกู้เงินนอกระบบมาเป็นค่าเครื่องบินให้ แต่ต่อมากลับตัดสินใจเดินทางกลับ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมว่าทำไมต้องหนีทัวร์ ทั้งสองน่าจะออกมาชี้แจงในเร็ววันนี้ สื่อกิมจิแฉ ติ่งกว่าครึ่ง เข้ามาแบบผิด กม.!สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่เพียงแค่สื่อไทยที่ตีข่าวกันอย่างครึกโครม ทางประเทศเกาหลีเองก็นำเรื่องนี้ไปเผยแพร่เช่นเดียวกัน มิหนำซ้ำยังเผยข้อมูลอันน่าอายของนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่จำนวนกว่าครึ่งที่เดินทางเข้ามาเพื่อทำงานผิดกฎมาย โดนอาศัยสิทธิจากการฟรีวีซ่า ที่คนไทยสามารถอยู่ได้นานถึง 90 วัน เรื่องราวนี้ ถูกเผยแพร่ผ่าน ilbe.com เว็บบอร์ดในประเทศเกาหลี ซึ่งมีกระทู้หนึ่งกล่าวถึงกรณีนี้ว่า “คนไทยไปทำอะไรบางอย่างในเกาหลี” พร้อมกับแนบเนื้อหาข่าวกรณี 2 ลูกทัวร์ไทยหลบหนี จากหนังสือพิมพ์ The Nation ระบุข้อความ นักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางมาพร้อมกับกรุ๊ปทัวร์ แต่กลับหนีไปอย่างกะทันหัน แท้ที่จริงตั้งใจจะอาศัยแบบผิดกฎหมาย ซึ่งมีตัวเลขคนไทยอาศัยในเกาหลี 101,000 คน มากกว่า 57,000 คน หรือมากกว่าครึ่ง เป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การหลบหนีเข้าเมืองเพือทำงานเนื่องจากมีรายได้สูง ถือเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศเดียวที่ลงนามยกเว้นการตรวจลงตราหรือวีซ่า ยาวนานถึง 90 วัน (อินโดนีเซีย 30 วัน, เวียดนาม 15 – 30 วัน, ฟิลิปปินส์ 30 วัน) หากซื้อตั๋วเครื่องบินสายการบินราคาประหยัด ก็จะมีรายได้เพื่อใช้จ่ายไปได้หลายปี อาจเรียกได้ว่า เกาหลีใต้เป็นประเทศเดียวที่คนจากประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ามาโดยง่าย ไม่เพียงแค่ทางฝั่งเกาหลีแค่นั้นที่ออกมาแฉ

ก่อนหน้านี้ไม่นาน ทางเว็บบอร์ดฝั่งไทย ก็เคยมีกระทู้ที่เปิดเผยถึงเส้นทางการหลบหนีเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายของแรงงานไทยเช่นกัน ซึ่งคนกลุ่มนี้จะเรียกตัวเองว่า “ผีน้อย” ที่หมายถึง คนที่ไปโดดวีซ่าท่องเที่ยวเพื่อแอบทำงานอยู่ในต่างประเทศแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ สมาชิกเว็บไซต์พันทิป “Ethanol” ตั้งกระทู้ชื่อ “ตีแผ่วงการ “ผีน้อย” ไทย เขาโดดวีซ่าไปทำอะไรกันที่เกาหลีกันนะ?” บอกเล่าถึงขบวนการการทำงานอย่างผิดกฎหมายของคนไทยในเกาหลีใต้ว่า ที่ใช้เฟซบุ๊กและไลน์เป็นช่องทางในการหาคนไปทำงาน โดยอาศัยมาตรการฟรีวีซ่า และหลบหนีไปขายแรงงานหรือขายบริการทางเพศโดยผิดกฎหมาย มีทั้งงานสีเทา สีดำ ซื้อขายทัวร์ราคาถูกเพื่อไปหลบหนี กระทั่งขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ขายยารักษาโรค ขายเบอร์ทอง ขายสินค้ากันในกลุ่มอย่างโจ๋งครึ่ม ยิ่งช่วงเดือน พ.ค. – ก.ย. เป็นช่วงเวลาที่เหล่าผีน้อยอาละวาดหนัก เนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรกำลังออก ตลาดแรงงานเกาหลี จึงมีความต้องการแรงงานราคาถูก หากจ้างแรงงานคนไทยจะประหยัดกว่าการจ้างชาวเกาหลีด้วยกันเองถึงครึ่งหนึ่ง ส่วนเรื่องของจำนวนเงินที่ผีน้อยต้องจ่ายก่อนไป หากเป็นงานทั่วไป ต้องจ่ายก่อนเดินทาง 25,000 – 35,000 บาท และหักเงินเดือนเดือนแรก 15,000 ถึง 20,000 บาท หากถูกส่งกลับ จะจ่ายคืน 10,000 บาท แต่ถ้าเป็นงานนวดและงานพิเศษ(ขายบริการทางเพศ) จ่ายก่อนไปประมาณ 5,000 บาท แล้วนายทุนหรือพ่อเล้าจะจ่ายค่าตั๋วเดินทางไปเกาหลีให้ก่อน แล้วหักค่าบริการจัดหางานและค่าตั๋วจากเงินเดือนเดือนแรกภายหลัง ด้านชีวิตความเป็นอยู่ก็ไม่สู้ดีนัก เพราะต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ การรักษาพยาบาลไม่มี หากใครเจ็บป่วยก็จะฝืนทนหรือไม่ก็รักษากันตามมีตามเกิด จะไม่บอกนายจ้างเพราะถ้าหยุดก็จะขาดรายได้ หากหมดฤดูพืชผลแล้ว แรงงานไทยผิด กม. บางส่วนก็จะเดินทางกลับ ซึ่งถ้าอยู่ไม่ถึง 90 วัน ก็สามารถออกไปได้สบายๆ เหมือนนักท่องเที่ยวปกติ ยิ่งงานขายบริการทางเพศส่วนใหญ่จะติดสัญญา 80 – 85 วัน พอหมดแล้วก็กลับหรือย้ายร้าน ย้ายพ่อเล้าได้ แต่ถ้าอยู่เกิน 90 วันก็จะต้องรายงานตัวกับ ตม. และถูกห้ามเข้าประเทศ ส่วนมากจึงอยู่แล้วอยู่เลยไม่กลับจนกว่าจะรวย

จากการได้สิทธิฟรีวีซ่า 90 วันของคนไทยนี้เอง กลายเป็นช่องว่างให้หลายคนเดินทางไปเป็นแรงงานเถื่อนจำนวนมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม ตม. เกาหลีถึงเข้มงวดกับการตรวจนักท่องเที่ยวไทยและส่งกลับเป็นว่าเล่น การเดินทางกับบริษัททัวร์ที่มีไกด์รับรอง เป็นทางเลือกอันดับแรกๆ ที่เหล่านักโดดร่มเลือกใช้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ ตม.เกาหลีสุดเฮี้ยบอีกทีว่าจะให้ผ่านเข้าไปหรือไม่ ความซวยจึงไปตกอยู่กับนักท่องเที่ยวจริงๆ ที่หวังจะเที่ยวให้สนุกแต่ก็อาจโชคร้ายถูกส่งตัวกลับเพราะถูกเข้าใจว่าเป็นผู้ลักลอบเข้าเมือง รวมถึงอาจทำให้ไกด์ที่เป็นผู้เซ็นรับรองผีน้อยเหล่านี้ติดแบล็กลิสต์ไปด้วย วิธีที่ดีที่สุดสำหรับผู้อยากไปทำงานคือ “ไปอย่างถูกกฎหมาย” กับนายจ้างที่ได้รับการรับรอง เพื่อจะได้ความคุ้มครองและสวัสดิการตามกฎหมายเกาหลีกำหนด หรือกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ก็มีโควตางานเกาหลีถูกกฎหมาย จะได้ไม่ต้องไปอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ และไม่ถูกนายจ้างกดขี่อย่างที่เหล่าผีน้อยต้องเจออีกด้วย
ขอบคุณภาพและข้อมูล : เฟซบุ๊กแฟนเพจ “บันทึกหญิงอ้วน” และสมาชิกเว็บไซต์พันทิป