นายไทมัวร์ ราซา ถูกศาลปากีสถานตัดสินประหารชีวิต จากความผิดที่ถูกกล่าวหาว่าเขาโพสต์เนื้อหาที่หมิ่นศาสนาลงบนเฟซบุ๊ก โดยอัยการเชื่อว่าเป็นคดีที่เกี่ยวกับสื่อสังคมออนไลน์คดีแรกที่มีการลงโทษประหารชีวิต
นายราซา ถูกกล่าวหาว่าโพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับศาสดามูฮัมหมัด ภรรยา และสหายร่วมเดินทางในช่องแสดงความเห็นของเฟซบุ๊ก
ด้านผู้รณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่มได้แสดงความกังวลต่อเรื่องนี้ ขณะที่เฟซบุ๊กยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใด ๆ
เฟซบุ๊กประกาศเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า จะส่งทีมงานเข้าไปในปากีสถานเพื่อแก้ไขความกังวลของรัฐบาลเกี่ยวกับเนื้อหาหมิ่นศาสนาบนเฟซบุ๊ก แต่ได้ระบุเพิ่มเติมว่า เฟซบุ๊กยังคงต้องการคุ้มครอง “ความเป็นส่วนตัวและสิทธิ์” ของผู้ใช้เฟซบุ๊ก
นายกรัฐมนตรีนาวาซ ชารีฟ ของปากีสถาน เรียกการหมิ่นศาสนามว่าเป็น “ความผิดที่ไม่สามารถให้อภัยได้”
การอภิปรายทางศาสนา
ศาลที่ไต่สวนคดีของนายราซาคือ ศาลต่อต้านก่อการร้ายในเมืองบาฮาวาลปูร์ ห่างจากกรุงอิสลามาบัดราว 498 กิโลเมตร
ทนายความของเขาระบุว่า นายราซาเข้าไปร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับศาสนาอิสลามทางเฟซบุ๊กกับคนที่ทราบในเวลาต่อมาว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทางการปราบปรามการก่อการร้าย
หลังจากที่มีการยึดและตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของเขา อัยการระบุว่า ผู้ถูกกล่าวหาถูกจับกุมตัวหลังจากแสดงความคิดเห็นที่แสดงความเกลียดชังและหมิ่นศาสนาโดยใช้โทรศัพท์มือถือของเขาที่จุดรอรถโดยสาร
นายราซายังสามารถอุทธรณ์โทษประหารชีวิตต่อศาลสูงเมืองลาฮอร์ และศาลฎีกาของปากีสถานได้ตามลำดับ
หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเอ็กซ์เพรสทริบูน รายงานว่า คำตัดสินมีขึ้นไม่กี่วันหลังจากที่ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยคนหนึ่งถูกปฏิเสธการขอประกันตัวในอีกคดีหนึ่งที่เกี่ยวกับข้อกล่าวหาหมิ่นศาสนาบนสื่อสังคมในปากีสถานเช่นเดียวกัน
แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับกฎหมายหมิ่นศาสนาของปากีถสานเมื่อไม่นานมานี้ โดยระบุว่า ปากีสถานเปิดทางให้มีการล่วงละเมิดและนำข้อผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศของปากีสถานไปใช้ในทางมิชอบ โดยข้อผูกพันดังกล่าวต้องการให้มีการเคารพและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมถึงเสรีภาพในการนับถือศาสนา หรือ ความเชื่อ และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
“เมื่อมีผู้ถูกตั้งข้อหา พวกเขาอาจถูกปฏิเสธการประกันตัว และเผชิญกับการไต่สวนที่ยืดเยื้อและไม่เป็นธรรม”
เหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้น 7 ปี หลังจากศาลปากีสถานปิดกั้นการเข้าถึงเฟซบุ๊กชั่วคราว หลังจากมีการใช้เฟซบุ๊กในการส่งเสริมการประกวดวาดภาพศาสดามูฮัมหมัด ซึ่งทำให้ชาวมุสลิมจำนวนมากไม่พอใจ
BBCThai