ในเดือนรอมฎอน อันเป็นเดือนที่ 9 ในปฏิทินอาหรับ มุสลิมต้องถือศีลอดในเวลากลางวัน โดยเว้นจากการกิน ดื่ม และความบันเทิงทั้งปวง ตั้งแต่อรุณรุ่งจนถึงตะวันตกดิน จากนั้นในยามค่ำคืน มุสลิมจะร่วมละหมาดอย่างยาวนาน เพื่อนมัสการพระเป็นเจ้า และสดับฟังอิมามอ่านพระคัมภีร์ อัลกุรอาน บรรดามัสยิดจะเนืองแน่น ไปด้วยศรัทธาชนจนล้นออกไปตามถนนหนทาง ในช่วงท้ายของการละหมาด อิมามจะอ่านดุอาอ์ (คำวิงวอน) ต่ออัลลอฮ์ คำวิงวอนจะยาวนานมาก ในหลายๆแห่ง แต่โดยสรุปเนื้อหาของคำวิงวอน จะมีว่า
“โอ้อัลลอฮ์ โปรดทรงอภัยโทษแก่เราทั้งปวง ในบาปที่เราได้ยึดถืออัตตาตน ปฏิบัติตามกิเลสตัณหาของตน และเชื่อฟังการล่อลวงของมาร โดยเราได้ปฏิบัติมิชอบแก่บุพการีของเรา เราทอดทิ้งพวกท่าน เราตัดขาดเครือญาติ ทอดทิ้งคนยากไร้ และเราได้กระทำการเบียดเบียนตนและผู้อื่นมากมาย…ดังนั้นโปรดอภัยโทษแก่เรา ปรับปรุงชีวิตของเรา ให้เราตายจากโลกนี้ไปในสภาพของผู้ประพฤติธรรมและฟื้นเราทั้งหลายขึ้นมารวมไว้กับหมู่บรรดากัลยานชนด้วยเทอญ….อามีน
(หมายเหตุ : เป็นการสรุปความหมายของคลิป การละหมาดในเดือนแห่งการถือศีลอด ที่ส่งมาพร้อมกันนี้ครับ)
และการถือศีลอดในเดือนที่ 9 ของปี หากมุสลิมปฏิบัติได้ครบถ้วน ก็จะเป็นสมรภูมิที่บุคคลมีชัย เหนือ อัตตาตน และเหนือมาร อันถือเป็นสมรภูมิเล็ก หลังจากนั้นอีก 3 เดือน คือในเดือนที่ 12 ของปี มุสลิมจำนวนหนึ่งจะไปประกอบพิธีหัจญ์ และที่นั่นจะเป็นสมรภูมิที่ใหญ่ที่สุดบนหน้าแผ่นดิน ที่มนุษย์จะต้องมีชัยเหนืออัตตาตน และเหนือมารที่คอยล่อลวงเขา และสมรภูมิที่ธรรมจะมีชัยเหนือมารนี้ จะเกิดขึ้นและหมุนเวียนไปตลอดวิถีของชีวิตโลก จนกว่าจะถึงสมรภูมิในยุคสุดท้าย…
Cr.ดร.อณัส อมาตยกุล อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหิดล