บรรยากาศรับ-ซื้อขายส่งทุเรียนที่ด่านพรมแดน อ.เบตง จ.ยะลา คึกคัก พ่อค้าแม่-ค้ามาเลเซียและสิงคโปร์ทะลักแย่งซื้อทุเรียนพื้นบ้าน “พันธุ์พวงมณี”
บรรยากาศการค้าขายส่งทุเรียน ที่บริเวณด่านพรมแดน อ.เบตง จ.ยะลา ที่มีชายแดนติดกับ อ.ปึงกาลันฮูลู รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย ค่อนข้างคึกคักมากเป็นพิเศษ เนื่องจากบรรดาพ่อค้า-แม่ค้าจากประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ ต่างมีความต้องการซื้อทุเรียนในประเทศไทย หลังปีนี้ผลผลิตออกมาน้อยเนื่องจากได้รับผลกระทบจากฝนตกต่อเนื่องในช่วงออกผลผลิต แม้จะไม่ถึงในช่วงทุเรียนพื้นบ้านของ อ.เบตง ออกผลผลิตก็ตาม แต่ทางพ่อค้า-แม่ค้ามีความต้องการทุเรียนพันธุ์ “พวงมณี” และ“ชะนี” รวมถึงทุเรียนพื้นบ้านของ อ.เบตงและผลไม้ชนิดอื่นๆ ซึ่งนักบริโภคทุเรียนชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ต่างชื่นชอบรสชาติของผลไม้ไทย
นางพรรณี วิทยสิริไพบูลย์ แม่ค้าขายส่งทุเรียน กล่าวว่า ทุเรียนนอกฤดูส่วนใหญ่จะเป็นการปลูกเพื่อตอบสนองความต้องการตลาดต่างประเทศ ราคาซื้อในช่วงนี้จะค่อนข้างแพง ถ้าราคาถูกจะเป็นทุเรียนประเภทตกไซส์ คือทุเรียนที่มีรูปร่างไม่สวย แต่เนื้อข้างในเหมือนกัน แต่ถ้าต้องการทุเรียนคุณภาพดีจะแข่งขันกันที่ราคา พ่อค้า-แม่ค้าจำเป็นต้องซื้อของด้วยต้นทุนที่สูง แต่ถ้าสู้ราคาไม่ได้ก็ต้องซื้อทุเรียนประเภทตกไซส์มาขายแทน
โดยทุเรียนที่ขายในประเทศไทยต้องเป็นทุเรียนคุณภาพ มีเปอร์เซ็นต์สูง 90-100เปอร์เซ็นต์ ทุเรียนต้องแก่เท่านั้นถึงจะขายได้ แต่ถ้าส่งนอกแม้ว่าจะเป็นทุเรียนที่เปอร์เซ็นต์ต่ำประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ ก็สามารถขายได้ เพราะผู้บริโภคต่างประเทศนิยมบริโภคทุเรียนอ่อนกรอบๆ ปัจจุบันทุเรียนที่ขายตามท้องตลาดโดยเฉพาะตลาดค้าส่งจะหาได้เฉพาะทุเรียน 80-90 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
จากการที่ผลผลิตทุเรียนในปีนี้ค่อนข้างน้อย ปัจจัยสำคัญมาจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ดอกทุเรียนที่ออกเป็นจำนวนมากร่วง ส่งผลให้ปีนี้ทุเรียนออกล่าช้ากว่าปีอื่นๆ คาดว่าผลผลิตจะเข้าสู่ตลาดไม่มากนัก แต่ในช่วงเดือนก.ค. ทุเรียนจะเริ่มทยอยเข้ามาในตลาดเพิ่มมากขึ้น ส่วนที่รับมาในขณะนี้เพื่อส่งออกจะมีอยู่ 2 พันธุ์ คือ “พันธุ์พวงมณี” และ “พันธุ์ชะนี” ถ้าจะประเมินราคาขายทุเรียนในช่วงนี้ ทุเรียนพันธุ์ชะนีและ พวงมณี ทุเรียนพันธุ์พวงมณี มี 3 เกรด คือ เกรดเบอร์1 ราคาขายส่ง กิโลกรัมละ 95 บาท นำมาขายส่งออก กิโลกรัมละ 120 บาท เกรดเบอร์2 ราคาขายส่งกิโลกรัมละ 80 บาท ขายส่งออก กิโลกรัมละ 110 บาท และเกรดเบอร์3 ราคาขายส่งกิโลกรัมละ 60 บาท ขายส่งออก กิโลกรัมละ 180 บาท
ส่วนทุเรียนพันธุ์ พวงชะนี มี 2 เกรด คือเกรดA รับมาจากพ่อค้าคนกลางที่ตลาดจันทบุรี เกรดA รับมา กิโลกรัม 35 ขายส่ง กิโลกรัมละ 55-60 บาท เกรดB ราคาขายส่งจากพ่อค้าคนกลาง กิโลกรัมละ 28 บาท ขายส่ง กิโลกรัมละ 32-35 บาท ส่วนทุเรียนพันธุ์ เหมา ซาน หว่อง ขณะนี้ยังไม่ออกผลผลิตซึ่งขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 400-500 บาท ซึ่งเป็นที่นิยมบริโภคของชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์ และในช่วงผลผลิตทุเรียนพื้นบ้านของ อ.เบตง ออกผลผลิต และทุเรียนพันธุ์เหมา ซาน หว่อง ออกผลผลิต จะมีคณะนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ เหมารถตู้ รถบัส มาซื้อกินถึงสวนทุเรียนของเกษตรกรถึงสวนเลยทีเดียว ซึ่งสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนทุเรียนในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลาได้เป็นอย่างดี
ข้อมูลจากสำนักคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร ระบุว่า ทุเรียนพวงมณี เป็นพันธุ์ที่เจริญเติบโตเร็ว การจัดเรียงกิ่งไม่เป็นระเบียบ ใบรูปไข่ขอบขนาน ปลายใบเรียวแหลม ฐานใบแหลม ดอกตูมกลมรี ปลายดอกตูมมน ออกดอกติดผลมาก ต้นอายุ 15 ปี ให้ผลผลิต 110-120 ผลต่อต้นต่อปี
ผลรูปรี ปลายผลแหลม ฐานผลป้าน ก้านผลยาว 5-11 เซนติเมตร หนามผลนูนปลายแหลม หนามตรง ผลยาว 18.38 เซนติเมตร กว้าง 14.88 เซนติเมตร เส้นรอบวงผล 48.16 เซนติเมตร น้ำหนักผล 1.36 กิโลกรัม มีกลิ่นอ่อนๆ รสชาติหวานมันพอดี เนื้อละเอียดไม่มีเส้นใย