ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา เริ่มการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แล้ว โดยจะมีกำหนดการนาน 8 วัน ท่ามกลางการจับตาจากทั่วโลก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ออกเดินทางไปยังประเทศซาอุดีอาระเบียแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ 19 พ.ค. เพื่อเริ่มการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกในฐานะผู้นำสหรัฐฯ ของเขา ในขณะที่ นายทรัมป์ กำลังเผชิญข้อกล่าวหามากมาย ทั้งการปลด ผอ.เอฟบีไอ ออกจากตำแหน่ง และการเปิดเผยความลับของประเทศแก่รัสเซีย
นายทรัมป์ พร้อมกับนางเมลาเนีย ทรัมป์ ภริยา ได้รับการต้อนรับจากพระราชาธิบดีซัลมาน ช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากเสร็จสิ้นการเยือนซาอุดีอาระเบียแล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และภริยาจะเดินทางเยือนอิสราเอล ดินแดนปาเลสไตน์ กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม นครรัฐวาติกัน และเมืองซิซิลีของอิตาลี รวมเวลา 8 วัน
ข้อตกลงที่ลงนามกัน ทั้งที่เกี่ยวกับอาวุธและข้อตกลงกับอารามโก บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานคาดว่ามีมูลค่ารวมกันอย่างน้อย 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 5.15 ล้านล้านบาท
การเยือนครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่นายทรัมป์เผชิญกับความวุ่นวายภายในประเทศ หลังจากปลดนายเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักสอบสวนกลาง หรือ เอฟบีไอ ออกจากตำแหน่ง
ในการเดินทางเยือนต่างประเทศ 8 วัน ของประธานาธิบดีทรัมป์ นอกจากอิสราเอลแล้ว เขายังจะเดินทางไปยัง ปาเลสไตน์ เบลเยียม นครรัฐวาติกัน รวมทั้งเกาะซิซิลีของอิตาลี ถือเป็นการเยือน 3 เมืองใหญ่ทางศาสนาทั้ง ยิว, อิสลาม และคริสต์
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ เดินทางเยือนกรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบีย ในวันที่ 20-21 พ.ค. เพื่อร่วมประชุมสุดยอด ‘อาหรับ อิสลาม อเมริกัน’ เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ร่วมกันในด้านความสงบสุข, ความก้าวหน้า และความเจริญรุ่งเริงกับชาวอิสลาม แม้ว่าเขาจะมีนโยบายที่แข็งกร้าวต่อชาวมุสลิมมาตลอด ทั้งการห้ามเข้าประเทศ และการห้ามนำแล็ปท็อปขึ้นเครื่องบิน
ในวันที่ 22-23 พ.ค. นายทรัมป์ ได้เดินทางเยือนอิสราเอล และเขตเวสต์แบงก์ โดยจะเริ่มต้นด้วยการพบปะหารือกับประธานาธิบดี ริวเวน ริฟลิน แห่งอิสราเอลในกรุงเยรูซาเลม ก่อนจะหารือกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ซึ่งหลายฝ่ายจะจับตาดูว่า นายทรัมป์ จะพูดถึงเรื่องการย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากนครเทล อาวิฟ ไปกรุงเยรูซาเลม ซึ่งเป็นเรื่องที่ปาเลสไตน์ต่อต้านหรือไม่ ในวันต่อมา นายทรัมป์จะเดินทางไปเขตเวสต์แบงก์ เพื่อพูดคุยกับ นายมาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ เชื่อว่าจะคุยกันเรื่องการเจรจาสันติภาพ
ในวันที่ 24 พ.ค. นายทรัมป์ จะเดินทางไปเยือนกรุงโรมและกรุงบรัสเซลส์ โดยจะเข้าพบพระสันตะปาปาฟรานซิส ที่พระราชวังสันตะปาปาในนครรัฐวาติกัน ก่อนจะเดินทางไปยังกรุงบรัสเซีย เพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดี ฟิลิปเป และนายกรัฐมนตรีชาร์ลส์ มิเชล จากนั้นในวันที่ 25 พ.ค. นายทรัมป์จะไปร่วมประชุมกับผู้นำยุโรป ก่อนจะเข้าร่วมประชุมผู้นำชาติสมาชิกนาโต ซึ่งได้รับการจับตามองอย่างมาก เพราะนายทรัมป์มีท่าทีต่อต้านนาโตอยู่ และเรียกร้องให้สมาชิกฯ เพิ่มสัดส่วนการบริจาคเงินให้องค์กรมากขึ้น
และวันสุดท้ายในวันที่ 26 พ.ค. นายทรัมป์ จะเดินทางเยือนเมืองตอร์มินา บนเกาะซิซิลี เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ชาติ (จี7) ซึ่งเหล่าผู้นำกำลังต้องการฟังความคิดของนายทรัมป์ ในเรื่องการค้าขายและประเด็นอื่นๆ