“กู๊ดดี้ ชยพล” สส.ประชาชนออภิปราย พาดพิง “พลเอก“หัวโต๊ะ I.O. กองทัพ ซัด นายกฯอิ๊งค์ สยบยอม ดีลปีศาจ ไม่ปฏิรูปกองทัพปล่อยกองทัพ ทำIO ต่อไปเป็น ผอ.รมน. รู้มั้ย? ทีม IO ทำอะไรปลุกให้รื้อระบบ แม้แต่ “ทักษิณ-อนุทิน-ธรรมนัส” ก็ยังโดนมองทหาร ปูพื้น รัฐประหาร ในอนาคต
นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
เพราะสยบยอมต่อฝ่ายอำนาจนิยม ยอมที่จะละทิ้ง การปฏิรูปกองทัพ ยอมที่จะปล่อยให้ทหารบางกลุ่มใช้กลไกของรัฐเป็นเครื่องมือแทรกแซงการเมืองต่อไป
และปล่อยให้ทหารบางกลุ่มใช้กลไกของรัฐไปคุกคามประชาชน ปลุกปั่นสร้างความแตกแยกเกลียดชังกันในสังคม เซาะกร่อนบ่อนทำาลายระบอบประชาธิปไตยของประเทศจนยากจะเยียวยา
ไม่รักษาสัญญาที่เคยบอกกับประชาชนไว้ว่าจะปฏิรูปกองทัพ พี่น้องประชาชนอยากเห็นการปฏิรูปกองทัพ ก็เพราะที่ผ่านมา มันมีคนบางกลุ่มบางฝ่าย พยายามทำให้อำนาจของกองทัพอยู่เหนืออำนาจของรัฐบาลพลเรือน อยู่เหนืออำนาจของประชาชน และยังใช้กลไกของกองทัพเข้ามาแทรกแซงการเมืองอยู่ตลอดเวลา จนทำให้ประเทศของเราขาดเสถียรภาพ ไม่สามารถที่จะพัฒนาระบอบประชาธิปไตยได้อย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์สำคัญที่กองทัพใช้เพื่อแทรกแซงการเมือง คือปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือ IO
ขบวนการ IO ในบ้านเรานั้น ขยายตัวจนน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ และที่มันเลวร้ายอย่างยิ่ง คือ ขบวนการ IO ที่ใช้ภาษีของประชาชนใช้กลไกของรัฐมายุยงปลุกปั่นประชาชนให้เกิดความขัดแย้ง เกลียดชังกันไม่จบไม่สิ้น
น.ส.แพทองธาร ไปทำดีลกับปีศาจ และได้อำนาจการเมือง บิดาได้กลับบ้านแบบไม่ต้องติดคุกตามกฎหมาย แลกกับการสยบยอมให้กองทัพเป็นเขตทหาร ห้ามพลเรือนเข้าต่อไป
นายชยพล ได้ แสดง เอกสารของหน่วยปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร เป็น Cyber Team ซึ่งตนเองได้มาจากเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจที่รักประชาธิปไตย พวกเขารับไม่ได้กับปฏิบัติการที่เสื่อมเสียเกียรติภูมิของกองทัพ พวกเขารับไม่ได้กับการใช้อำนาจ สั่งให้ข้าราชการไปปลุกปั่นให้ประชาชนเกลียดชังกัน ขัดแย้งกัน
นายชยพล เปิดเผย เอกสารของคณะทำงานความมั่นคงพิเศษ กองทัพบก, เอกสารรายงานการทำงานของไซเบอร์ทีมภายใต้ “ ศปก. ร่วมฯ ”หรือศูนย์ปฏิบัติการร่วมของทหาร และตำรวจ
รายงานการทำงานเหล่านี้ มีทั้งรายงานประจำสัปดาห์ตั้งแต่สมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ มาจนถึงรัฐบาล น.ส.แพทองธาร และเอกสารสรุปยุทธศาสตร์ประจำปีของทีมไซเบอร์ รวมถึงเอกสารประมาณการภัยคุกคามด้านความมั่นคงภายในราชอาณาจักรของ กอ.รมน. ที่มี นายกรัฐมนตรี เป็นผอ.รมน.
โดยเอกสารของกองทัพบก คณะทำงานความมั่นคงพิเศษ พบว่า ในช่วงก่อนการเลือกตั้งปี 2566 ได้ประชุมแผนงานด้านสารนิเทศเพื่อความมั่นคง และได้วิเคราะห์ว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านสถาบันฯ ในประเทศไทยโดยกลุ่มเหล่านี้มีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์อย่างเป็นขั้นเป็นตอนชัดเจน จึงสั่งให้ทุกเหล่าทัพจัดตั้ง “คณะทำงานความมั่นคงพิเศษ” ขึ้นมา
ทั้งนี้ คณะทำงานความมั่นคงพิเศษ ที่สั่งให้ทุกเหล่าทัพจัดตั้งขึ้นมานั้น มีหน้าที่ประสานงานร่วมกัน โดยให้จัดทำโครงสร้าง และแนวทางการดำเนินงานของแต่ละหน่วยงาน ทั้งในระดับนโยบาย ระดับผู้ประสานงาน และระดับทีมปฏิบัติการ รวมทั้งสั่งให้แต่ละหน่วยงานส่งบัญชี อินฟลูเอนเซอร์ ที่แต่ละหน่วยงานมีอยู่แล้วหรือสร้างขึ้นมาไปให้ ศปก. ร่วมฯ ทราบด้วย
โดยโโชว์หนังสือ รายชื่อ อินฟลูฯ ของ ทร. ถึงผบ.ทร. เมื่อ 31 ม.ค. 68 ระบุชื่อบัญชีผู้ใช้ของตนเอง ในแต่ละแพลทฟอร์ม 131 นาย แต่ละคนก็มีกันคนละหลายบัญชี กระจายตามแพลตฟอร์มต่างๆ
คณะทำางาน สั่งการ แผน IRC (Information-Related Capabilities) ซึ่งเป็นเรื่องที่สอนกันในกองทัพทั่วโลก เป้าหมายเพื่อสร้างผลกระทบต่อการตัดสินใจของศัตรู แต่ในกรณีที่ตนอภิปรายนั้น ใครคือศัตรูของกองทัพไทย
ซึ่งตามเอกสารของคณะทำงานความมั่นคงพิเศษ ทบ. และเอกสารไซเบอร์ทีมของกองทัพนั้น HVT( High Value Targets ) กลุ่มเป้าหมายที่มีความสำคัญสูง
ในเอกสาร ยังระบุว่า สั่งการให้ กอ.รมน. หรือ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็น ผอ.รมน. จัดทำข้อมูลแผน และแนวทางการดำเนินงาน รวมถึงข้อมูลสถานการณ์ และเป้าหมายบุคคล และกลุ่มมวลชนที่เคลื่อนไหว
“นายกฯแพทองธาร ท่านเคยใส่ใจเข้าไปตรวจสอบบ้างหรือไม่ ว่า กอ.รมน. ที่ท่านนายกฯ เป็นผู้อำนวยการส่ง ข้อมูลอะไรไปให้ทีม IO ของกองทัพบ้าง ?”
นายชยพล กล่าวว่า จากที่ประชาชนไม่ยอมให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกแล้ว หากเรามีนายก
พลเรือนคนใหม่ ที่มีสำนึกประชาธิปไตยมีเจตจำานงที่จะปฏิรูปกองทัพ ขบวนการ IO ของกองทัพที่ก่อร่างขึ้นมาใหม่นี้ จะต้องถูกตรวจสอบ ถูกทบทวน แต่ขบวนการ IO นี้กลับสุขสบายดี แถมเติบโตจนน่ากลัว ภายใต้นายกฯ ที่ชื่อแพทองธาร
และจากที่ตนติดตาม ในปัจจุบัน Cyber Team นี้ จะประชุมกันทุกวันพุธ หรือพฤหัสบดี โดยสถานที่ประชุมก็อยู่ใกล้ๆ ตรงแถวสะพานเกษะโกมล
นายชยพล ยังได้โชว์ แผนผังโครงสร้างทีมไซเบอร์ของกองทัพ ทั้งในระดับ staff และระดับผู้บัญชาการ โดยในระดับ staff ระดับผู้ปฏิบัติการนั้น บุคลากรจากกองทัพ และตำรวจ ส่วนในระดับผู้บัญชาการนั้น มี นายทหารระดับเสนาธิการ, รองแม่ทัพภาค และผู้บังคับการ ใน สตช.
ส่วนคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งปี 66 ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาล น.ส.แพทองธารในปัจจุบัน คอยบัญชาการ Cyber Team นี้ คือ “พลเอก ธ.” รองผอ.ศปก.ร่วมฯ และเคยเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. ซึ่งเป็น คนที่มีบทบาทสำาคัญในการไล่จับ ไล่ฟ้อง ไล่ปราบ กิจกรรมต่อต้านรัฐประหารตั้งแต่ในยุค คสช. ช่วงแรก แต่เมื่อมาถึงยุครัฐบาลประยุทธ์ 2 ก็ได้ ย้ายเข้ามากรุงเทพฯ และมีบทบาทสำคัญในการปราบปรามม็อบราษฎร
และที่ตนแปลกใจเพราะขนาดนายทหารคนนี้เกษียณราชการไปจากกองทัพตั้งแต่ปี 64 แล้ว แต่ท่านก็ยังดำรงตำาแหน่งเป็นรองผอ.ศูนย์ปฏิบัติการร่วม และคอยบัญชาการทีมไซเบอร์นี้โดยตรง มาจนถึงปัจจุบัน
โครงสร้างการบัญชาการของขบวนการ IO ตอนนี้ ดูจะสะท้อนสิ่งที่เราอาจจะเรียกได้ว่า เป็นรัฐซ้อนรัฐ กองทัพซ้อนกองทัพได้เป็นอย่างดี ประเทศของเรากำาลังเกิดอำนาจรัฐที่อาศัยกลไกของกองทัพ ซ้อนขึ้นไปอยู่เหนืออำานาจของรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง และยังเกิดอำนาจของกองทัพที่ซ้อนขึ้นไปอยู่เหนือผู้บัญชาการกองทัพในระบบราชการปกติอีกด้วย
นายชยพล กล่าวด้วยว่า ทีมไซเบอร์ของกองทัพในปัจจุบัน เขาจะมีรายงานการปฏิบัติการแบบนี้ทุกสัปดาห์ โดยรายงานปฏิบัติการไอโอ.ในสัปดาห์แรก หลังจากสภาโหวตให้ น.ส. แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี
หลังจากเป็นนายกฯ แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ เรียกย่อๆ ว่า IRC และ DCM และจากรายงานปฏิบัติการไอโอ.ของกองทัพแต่ละสัปดาห์ จะแบ่งปฏิบัติการ IRC และ เป้าหมาย DCM เชิงรุก
นาย ชยพล กล่าวถึงดีลแลกประเทศ ว่านายกฯ อาจจะชอบใจ ที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านถูก IO กองทัพโจมตี แต่นายกฯ ไม่ได้ตระหนักว่าตัวเอง ทำดีลเพื่อแลกกับการสยบยอม ไม่แตะต้องกองทัพนั้น จะทำลายระบอบประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง ถ้านายกฯ ยังปล่อยให้ขบวนการขยายตัว เติบโตยิ่งกว่านี้อยู่ จะถูกควบคุม และแทรกแซงได้ตามอำเภอใจ ส่งผลให้เซาะกร่อนบ่อนทำลายประชาธิปไตย
เพราะในเอกสารของ กอ.รมน.ประมาณการภัยคุกคามด้านความมั่นคงฯ ยังระบุถึง กลุ่มชื่อบุคคลที่แสวงหาประโยชน์โดยแอบอ้างสถาบันฯ ซึ่งมีชื่อนายทักษิณ ชินวัตร, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่สุดท้ายก็ไม่มีใครรอด เพราะเขาต้องการการผูกขาดความจงรักภักดีไว้ กับกองทัพไว้ฝ่ายเดียว
“ผมก็เกิดมาในครอบครัวทหารหลายคนก็อยากเห็นกองทัพไทยทันสมัย แต่ยังมีนายพลบางกลุ่มหาผลประโยชน์จากกองทัพ ไปยุ่งเกี่ยวการเมือง และนายพลอีกกลุ่ม ก็มักแอบอ้างสถาบันฯ หากนายกรัฐมนตรี ไม่ดำเนินการตามที่สัญญาไว้กับประชาชน ละทิ้งการปฏิรูปกองทัพ
ยอมปล่อยให้ทหารบางกลุ่มใช้กลไกของรัฐเป็นเครื่องมือคุกคาม ปลุกปั่น สร้างความแตกแยก และหากยอมรับให้กองทัพอยู่เหนือการควบคุมของรัฐบาลพลเรือน จากลายเป็นรัฐซ้อนรัฐ กองทัพซ้อนกองทัพ เมื่อไหร่ที่นายพลบางกลุ่มสร้างสถานการณ์จนสุกงอม พวกเขาก็พร้อมที่จะก่อรัฐประหารอีกครั้ง” นายชยพล กล่าว