ลงใต้ ประกาศดับไฟใต้ ความเพ้อเจ้อของ’ทักษิณ’

เหตุกลุ่มความไม่สงบถล่มอำเภอสุไหงโกลก ล่าสุด สะท้อนความเพ้อเจ้อของ“ทักษิณ”ที่ประกาศจะแก้ปัญหา เหตุการณ์ร้ายในสามจังหวัดชายแดนใต้จะสงบในสองปี

เหตุการณ์คนร้ายนับ 10 คน บุกยิงถล่มโรงพักสุไหงโกลก จ.นราธิวาสจนเกิดการยิงปะทะกันเป็นเหตุให้ อส.สังเวยชีวิตไป 2 นาย เป็นภาพสะท้อนความเพ้อเจ้อของ“ทักษิณ” เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังทักษิณลงไปเยือนพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ และเชื่อมั่นว่า จะแก้ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้ในสองปี และปี 68 จะเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

เพ้อเจ้อ กับคำกล่าวของ “ทักษิณ ชิณวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บอกว่าจะได้รับความร่วมมือจากทางการมาเลเซีย และถ้าพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้ความร่วมมือ เป็นการกล่าวที่ไม่มีรายละเอียดของแผนการว่าจะทำอะไร อย่างไร แค่พูดลอยๆ

แต่เป็นคำกล่าวที่ทำให้“ภูมิธรรม เวชชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหม หลงคารมเชื่อไปแล้วว่า ในสองปี เหตุการณ์ไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะสำเร็จเสร็จสรรพในสองปี กับการลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหา ไม่กี่ชั่วโมงกับการแก้ปัญหามานาน

การลงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ที่ว่าการแก้ไขปัญหาไฟใต้มองเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ และจะให้จบในปี 2569 เป็นแค่คำคุยโวเท่านั้น เพราะยังหาความชัดเจนอันใดมิได้ ยังไม่นับคำขอโทษที่ว่างเปล่าไร้ความหมาย ขาดความจริงใจ
ในกรณีตากใบ ได้แค่คำว่า “ขออภัย” ถ้าทำให้รู้สึกไม่สบายใจ ในขณะที่ชาวตากใบต้องการ “คำขอโทษ”อย่างเป็นทางการ ไม่ใช่เกิดจากการสัมภาษณ์ ซักไซร้ไล่เรียง

การลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของทักษิณ “พรรคประชาชาติ” ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นพรรคสาขาของพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นที่รับรู้กันดีว่า ทริปทักษิณล่องชายแดนใต้ครั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ และ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีตหัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นผู้วางโปรแกรมออนทัวร์ โดยทุกจุดที่ทักษิณไปเยือนนั้นเป็นฐานเสียงของพรรคประชาชาติ และล้วนแต่มีหัวคะแนนของ “วันนอร์ – ทวี” มาต้อนรับร่วมกับภาคส่วนราชการ

เริ่มจากไปพบปะพี่น้องชาวไทยพุทธที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ก่อนจะไปกล่าวคำขออภัยต่อชาวมุสลิม ที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส, อ.สายบุรี จ.ปัตตานี และ อ.เมืองยะลา จ.ยะลา และสุดท้ายมาจบที่บ้านศรียะลา ของ “วันนอร์” ซึ่งวันนอร์ ยกมือไหว้ต้อนรับอย่างนอบน้อมในฐานะเจ้าบ้าน ส่วนทักษิณ ไม่ได้ยกมือไว้รับ แต่เอื้อมือสองข้างไปโอบไหล่แบบเอ็นดูสงสาร เหมือนผู้ใหญ่เอ็นดูสงสารเด็ก ก่อนบินกลับกรุงเทพฯ

ไฮไลท์ทริปลงพื้นที่ 3 ชายแดนใต้ นราธิวาส, ปัตตานี และยะลา ในหนึ่งนั้น เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2568 ของทักษิณ ในรอบ 20 ปี จึงมีจุดโฟกัส 3 เรื่องใหญ่ คือ

หนึ่งการขีดเส้นจบปัญหาชายแดนใต้ในปี 2569 แต่ยังไม่มีแผนการณ์อะไรว่าจะจบแบบไหน อย่างไร

สอง คำขออภัยของทักษิณ ต่อความผิดพลาด ที่สะท้อนถึงความไม่จริงใจและไร้ความหมาย

และสาม อนาคตข้างหน้าของพรรคประชาชาติ จะรุ่งหรือร่วง หลังการโหนทักษิณ รวมถึงภาพวันนอร์ ไหว้สวยรับทักษิณขณะเยือนบ้านใหญ่ศรียะลา ซึ่งใคร ๆ ก็มองว่าไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

ต้องไม่ลืมว่า ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ เกิดจากทักษิณ ที่รับรู้ข้อมูลไม่รอบด้าน และตัดสินใจผิดพลาดในเชิงนโยบายรับรู้ข้อมูลว่า ขบวนการโจรใต้แบ่งแยกดินแดน แค่ “โจรกระจอก” และมีไม่เกิน 20 คน เป็นคนที่ไม่มีอุดมการณ์อะไร เป็นโจรก่ออาชญากรรมธรรมดา อันนำมาสู่การตัดสินใจเชิงนโยบายที่ผิดพลาด คือสั่งยุบ “ศอ.บต.” ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นหน่วยงานพิเศษจัดตั้งขึ้นสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐ เป้าหมายทำหน้าที่การพัฒนา และงานจิตวิทยามวลชน และยุบ พ.ต.ท.43 (กองกำลังผสมพลเรือน ทหาร ตำรวจ) อันเป็นหน่วยงานรักษาความสงบเรียบร้อย

การตัดใจที่ผิดพลาดยังนำมาสู่การบุกเข้าไปปล้นปืนของทางราชการทหาร ในค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (ค่ายปิเหล็ง) เมื่อเช้ามืดของวันที่ 4 มกราคม 2547 อันเป็นปฐมบทของเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

จากนั้นมายังมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นมากมายเป็นรายวัน รวมถึงเหตุการณ์บุกมัสยิดกรือเซาะ และจบลงด้วยการล้อมปราบ เกิดการสูญเสียมากมาย เป็นบาดแผลของสังคม ยังมีเหตุการณ์สลายการชุมนุมปิดล้อมโรงพักตากใบ กดดันให้ปล่อยตัว 4 ผู้ต้องหาครอบครองอาวุธปืนของทางการ และจบลงด้วยการล้อมปราบเช่นกัน แต่ไปหนักตรงตอนขนย้ายผู้ถูกควบคุมตัวไปไว้ในค่ายทหาร เป็นการขนย้ายด้วยรถยีเอ็มซี ที่อัดแน่น สุดท้ายเหยียบกันตาย ขาดอากาศหายใจเสียชีวิตไปร่วม 80 คน

20 ปีกับขวัญร้ายของผู้คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องสูญเสียมากมาย สูญเสียชีวิต ทรัพย์สิน เลือดเนื้ิอ และสูญเสียโอกาสอีกมากมาย ทหาร ตำรวจ ก็สูญเสียไม่น้อย ผู้ที่เปราะบาง อ่อนแอกว่าก็ตกเป็นเหยื่อ 20 ปีภาครัฐใช้งบประมาณไปแล้วประมาณ 3 แสนล้าน ถ้าไม่มีเหตุการณ์ร้ายในสามจังหวัดชายแดนใต้ งบสามแสนล้าน นำไปใช้ในการพัฒนาอื่นๆได้อีกมากมาย

ถ้าพิจารณากันตามข้อเท็จจริง ยังไม่เห็นวี่แววอะไรว่า เหตุการณ์ร้ายในสามจังหวัดชายแดนใต้จะจบลงในสองปี กรรมการเจรจาก็ยังไม่มี มาเลเซียจะยื่นมือมาช่วยอะไรได้ แค่ปัญหาคนสองสัญชาติข้ามแดนไปมา ก็ยังแก้ไม่ได้ เพราะเขาข้ามไปทำมาหากิน หรือเยี่ยมญาติ แต่อาจจะมีกลุ่มคนร้ายแอบแฝงเข้าไป ถามว่าที่ผ่านมามาเลเซียไม่ให้ความร่วมมือเหลอ ก็ร่วมมือกันมาตลอด แต่ปัญหาก็ยังดำรงอยู่

ยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีของบีอาร์เอ็น ที่ใช้ยุทธวิธีแบบสงครามกองโจร ยังเหนือกว่า หน่วยงานความมั่นคงของไทยเรามากนัก การตั้งโต๊ะเจรจาบีอาร์เอ็นก็มีอำนาจต่อรองที่เหนือกว่า ถามว่า เราเจรจากันมากี่รอบ กี่ครั้งแล้ว แต่ปัญหาก็ยังดำรงอยู่ และเดินหน้าต่อไป ไทยเราก็มีเพียงคำปลอบประโลมใจ สถานการณ์ดีขึ้น สถิติการเกิดเหตุการณ์ร้ายลดลง แต่ทางหน่วยงานความมั่นคงพูดอย่างนี้มาสิบกว่าปีแล้ว

คำพูดของทักษิณก็เพ้อเจ้อไปเรื่อย ถ้าแค่ลงไปพูดแค่นั้นแล้วเหตุการณ์จะจบลง เขาทำกันไปนานแล้ว ถามว่า ทางการเราเคยได้พบปะพูดคุยกับตัวแทนที่แท้จริงของบีอาร์เอ็นบ้างแล้วยัง พบที่ไหน พบเมื่อไหร่ พูดคุยกันเรื่องอะไร ผลการพูดคุยเป็นอย่างไร ใครตอบได้บ้าง…ไม่มี

อย่าไปหลงคารมของทักษิณ การไปครั้งนี้อาจจะทำให้เป็นจุดจบของพรรคประชาชาติก็ได้กับการ “ยกมือไหว้อดีตนักโทษโกงชาติ โกงแผ่นดินอย่างนอบน้อม” ที่พี่น้องในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนใหญ่รับไม่ได้
“ไม่ให้เกียรติ ไม่ยกมือไหว้ ไม่สังคมด้วยกับคนเลว” พล.อ.เปรม เคยสอนพวกเราไว้

#นายหัวไทร
#ปัญหาสามจังหวัดใต้
#ทำเฒ่าเรื่องเพื่อน