นิกะห์มาเลย์ ขุมทรัพย์กอจ.5จังหวัด จังหวัดได้เยอะที่สุด

การแต่งงานคนที่ 2 ของชายชาวมาเลเซีย ได้กลายเป็นรายได้หลักของคณะกรรมการอิสลาม 5 จังหวัด โดยเฉพาะสงขลามีรายได้ต่อปีมากกว่า 10 ล้านบาท มีรายได้เหนือกว่าการรับรองผลิตภัณฑ์ฮาลาล มาดูว่ามูลค่าของนิกะห์มาเลย์ มีจำนวนเท่าไหร่กัน

สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม ปี 2540 ทำหน้าที่บริหารองค์กรศาสนาอิสลาม อาทิ ดูแลมัสยิด การคัดเลือกอิหม่าม คณะกรรมการประจำมัสยิด การตรวจรับรองฮาลาล การนิกะห์ การส่งเสริมการเรียนการสอนศาสนาแก่เยาวชนและมุสลิมทั่วไป คณะกรรรมการอิสลามฯไม่มีเงินเดือนประจำ แต่มีค่าตอบแทนเป็นเบี้ยประชุมจากกระทรวงมหาดไทย เดือนละ 1,000 กว่าบาท ค่าตอบแทนกอจ. ค่าบริหารสำนักงาน จึงต้องหาเอง ส่วนใหญ่มาจากการตรวจรับรองฮาลาล

คณะกรรมการอิสลามฯ ที่มีอยู่ 40 จังหวัด มีรายได้ส่วนใหญ่จากการตรวจรับรองฮาลาล โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ปทุมธานี ที่มีโรงงานแปรรุปอาหารอยู่มาก เข้ามาขอการรับรองประมาณ 400-500 โรงงานต่อปี 3 จังหวัดนี้มีรายได้ 5-10 ล้านบาท โดยประมาณ ส่วนคณะกรรมการกลางฯ จะตรวจรับรองฮาลาลในจังหวึดที่เหลือ 30 กว่าจังหวัด จึงมีรายได้มากที่สุด แต่ไม่เป็นที่เปิดเผย และยังมีรายได้จากการออกเครื่องหมายฮาลาลอีก 500 บาท/ผลิตภัณฑ์ ประมาณปีละ 200,000 ผลิตภัณฑ์ ประมาณ 100 ล้านบาท และยังตรวจรับรองผลิตภัณฑ์นำเข้าและส่งออกอีกด้วย

ในขณะที่จังหวัดชายแดนใต้ 5 จังหวัด ประกอบด้วยสงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาา และสตูล แม้จะเป็นจังหวัดที่มีมุสลิมมาก กลับมีรายได้จากการตรวจรับรองฮาลาลไม่เท่ากรุงเทพฯ สมุทรปราการ และปทุมธานี เพราะส่วนใหญ่มุสลิมที่ประกอบกิจการจะไม่ขอฮาลาล เพราะถือว่าตัวเองผลิตฮาลาลอยู่แล้ว เราจึงจะเห็นผู้ประกอบการที่ไม่ใช่มุสลิม นำคนที่ไม่ใช่มุสลิมมาสวมฮิญาบขายของเต็มไปหมด เพราะการเป็นมุสลิมการันตีความฮาลาลได้ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม 5 จังหวัดชายแดนใต้ กลับมารายได้จากการนิกะห์ของชาวมาเลเซียเป็นอันดับ 1

การแต่งงานคนที่ 2 ของมาเลเซีย มีขั้นตอนที่ซับซ้อนยุ่งยาก ชายชาวมาเลเซียส่วนใหญ่จึงนิยมเข้ามานิกะห์ในประเทศไทย โดยสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด เป็นเจ้าภาพหลักในการนิกะห์ โดยรัฐบาลมาเลเซีย ให้การรับรองการนนิกะห์ โดยคณะกรรมการอิสลามฯ6 จังหวัด ประกอบด้วยสงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และกรุงเทพมหานคร เมื่อทำการนิกะห์แล้ว คู่นิกะห์ก็จะนำหลักฐานที่ออกโดยคณะกรรมการอิสลามฯ ไปยื่นต่อกงสุลใหญ่มาเลเซียประจำประเทศไทย ที่จังหวัดสงขลาเพื่อให้การรับรองการนิกะห์ถูกต้องตามกฎหมายได้ทันที ด้วยเหตุนี้จึงมีการวิ่งเต้นจากอจ.หลายจังหวัด ขอให้ทางการมาเลเซียรับรองการนิกะห์ เช่น กอจ.ภูเก็ต ที่มีชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามามาก

จากข้อมูลที่ได้มาพบว่า กอจ.สงขลา มีหนุ่มสาวเดินทางมีทำพิธีนิกะห์มากที่สุด กอจ.ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด แต่จากการรวบรวมข้อมูล ประมาณว่า มีคนมาเลเซียเข้ามานิกะห์ที่กับกอจ.สงขลา โดยเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ บางวันไม่ต่ำกว่า 100 คู่ ประมาณว่าแต่ละเดือนมีผู้มานิกะห์ ประมาณ 500 คู่ ปีละประมาณ 5,00 คู่ โดยกอจ.สงขลา คิดค่าใช้จ่ายในการนิกะห์คู่ละ 5,000 บาท บางรายงาน ระบุว่า 8,000 บาท ประมาณการต่ำๆ กอจ.สงขลา มีรายได้จากการนิกะห์คู่รักชาวมาเลเซีย 20-30 ล้านบาทต่อปี

ส่วนจังหวัดอื่น อาทิ สตูล เปิดเผยโดยกอจ.จังหวัดเอง พบว่า มีผู้มานิกะห์ เดือนละประมาณ 100 คู่ ปีละ 1,200 คู่ เก็บค่าใช้จ่าย คู่ละ 3,000 บาท มีรายได้ 10% ของตังหวัดสงขลา ประมาณ 3.6 ล้านบาท ส่วน 3 จังหวัด ยะลา นคราธิวาส และปัตตานี ไม่มีตัวเลขชัดเจน แต่คาดว่า มากกว่าจังหวัดสตูล แต่ไม่เท่าจังหวัดสงขลา

การที่กอ.สงขลา มีผู้มาขอนิกะห์มาก เพราะเป็นที่ตั้งของกงสุลใหญ่ เมื่อคู่รักหนุ่มสาวได้ใบรับรองการนิกะห์แล้ว สามารถนำไปขอการรับรองจากกงสุลใหญ่ได้ทันที นิกะห์เช้ายื่นเช้าหรือยื่นบ่ายได้เลย แต่จังหวัดอื่น ต้องนั่งรถมาไกล และที่สำคัญสงขลา เป็นเส้นทางเชื่อมต่อหลักกับมาเลเซีย มีด่านเข้าออกถึง 3 ด่าน คือ ด่านปาดังเบเซาร์ ด่านสะเดา(ด่านนอก) และด่านประกอบ ส่วนจ.สตูลเชื่อมต่อกับเปอร์ลิสต์ มีด่านวังประจันเพียงด่านเดียว ซึ่งมีขนาดเล็ก เส้นทางก็ไม่สะดวกสบายเหมือนด่านจ.สงขลา ส่วนนราธิวาส มีด่านสุไหงโกลก ซึ่งเชื่อมกับรัฐกลันตัน ซึ่งเป็นรัฐที่เจริญน้อยที่สุดของมาเลเซีย ยะลามีด่านเบตง ที่ค่อนข้างไกล และเดินทางลำบาก ส่วนปัตตานี ไม่มีด่านเชื่อมต่อกับมาเลเซีย และเมื่อนนิกะห์แล้ว ก็ต้องทางเข้าสงขลา เพื่อนำเอกสารไปยื่นต่อกงสุลใหญ่

ส่วนกรุงเทพฯ แม้กอจ.กรุงเทพฯ จะเป็น 1 ใน 6 ที่มาเลเซียให้การรับรองการนิกะห์ แต่มีหนุ่มสาวมาเลเซียเดินมานิกะห์ไม่มากนักปีละประมาณ 200-300 คู่ อาจเป็นเพราะการเดินทางไกล

ข้อมูลจากกอจ. พบว่า การนิกะห์ของคนมาเลเซีย จะเป็นหนุ่มมาเลย์กับสาวมาเลย์นิกะห์ด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ หนุ่มมาเลย์กับสาวมุสลิมไทย มีบ้างแต่ไม่มากนัก แต่สาวมาเลย์กับหนุ่มไทย แทบไม่มีเลย เนื่องจากสาวมาเลย์มองว่าตัวเองสูงกว่าหนุ่มไทย สาวมาเลย์จึงแต่งงานกับหนุ่มมุสลิมไทยน้อย

นอกจากการทำพิธีนิกะห์แล้ว ยังมีธุรกิจต่อเนื่องจากการนิกะห์ อาทิ การจัดอีเวนต์นิกะห์ โดยบริษัทท่องเที่ยว ดูแลคู่หนุ่มสาวในหลายระดับ อย่างะระดับหรูจะดูแลอย่างดี รับส่งด้วยรถตู่อัลพาด หรือรถยุโรป ที่พักโรงแรมระดับ 5 ดาว จัดการเรื่องอาหารการกินอย่างดี ค่าใช้จ่าย ประมาณ 30,000-40,000 บาท แต่โปรแกรมแบบนี้ไม่ได้มีทุกคู่อยู่ที่คู่หนุ่มสาวจะเลือกว่า จะมาเองแต่งเงียบๆ หรือจัดเป็นอีเวนต์อย่างดี

ไม่ว่า หนุ่มสาวมาสเลเซียจะเข้ามานิกะห์รูปแบบไหน แต่การนิกะห์ของคนมาเลเซียกลายเป็นเส้นเลือดใหญ่ของกอจ. ใน 5 จังหวัดใต้ เหนือกว่า รายได้จากการตรวจรับรองฮาลาล เป็นหนึ่งของการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย

Cr.Mtoday ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2568