“สุพิศ พิทักษ์ธรรม” กางกฎหมาย ยืนยันการลาออกจากอธิบดีชอบด้วยกฎหมาย พร้อมเดินหน้าหาเสียงชิงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา
24 ธันวาคม 2567 – จากกรณีมีกระแสข่าวเกี่ยวกับความสมบูรณ์ของการลาออกจากราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมฝนหลวงของนายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ซึ่งขณะนี้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา อาจมีความไม่สมบูรณ์ตามขั้นตอนทางกฎหมาย จนอาจส่งผลกระทบต่อการลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น ล่าสุด นายสุพิศได้ออกมาชี้แจงเพื่อยืนยันข้อเท็จจริง
นายสุพิศเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การลาออกจากราชการของตนได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอนและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยได้ปฏิบัติตามระเบียบของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่าด้วยการลาออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญปี2536 ทุกประการ โดยในครั้งที่ลาออก ตนได้ทำหนังสือแจ้งไปยังปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง และได้รับการเห็นชอบจากปลัดกระทรวงแล้ว ขณะนี้เอกสารดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกำลังพิจารณาตามกระบวนการของทางราชการ
นอกจากนี้ นายสุพิศยังเปิดเผยว่า ตนได้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสงขลาเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งได้รับการยืนยันว่าไม่มีปัญหาหรือข้อขัดข้องแต่อย่างใด
ในช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ นายสุพิศได้ย้ำถึงความมั่นใจในความถูกต้องของการลาออกจากราชการ พร้อมเดินหน้าทำงานหาเสียง พบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ทั้ง 16 อำเภอของจังหวัดสงขลา เพื่อนำเสนอนโยบายและวิสัยทัศน์ในการพัฒนาจังหวัด โดยกล่าวว่า “ผมขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนทุกท่านว่า การลาออกของผมชอบด้วยกฎหมายเรียบร้อยแล้ว และต่อจากนี้ผมจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อแนะนำตัว เพื่อขอโอกาสจากพี่น้องประชาชนชาวสงขลาพร้อมนำเสนอนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา สาธารณะสุข การส่งเสริมอาชีพ“
การยืนยันครั้งนี้เป็นการแสดงถึงความโปร่งใสและความตั้งใจของนายสุพิศที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาอย่างมั่นคง พร้อมมุ่งหวังสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับชาวสงขลาในอนาคต
สำหรับผู้สมัครนายกอบจ.สงขลามีจำนวน 5 คน ประกอบด้วยหมายเลข 1 น.ส.อภิญญา ยอดแก้ว ทีมอิสระ, หมายเลข 2 นายนิรันดร์ จินดานาค พรรคประชาชน, หมายเลข 3 นายประสงค์ บริรักษ์ ทีมสงขลาเข้มแข็ง, หมายเลข 4 นางดวงพร เสนาวัลย์ อิสระ และหมายเลข 5 นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ทีมสงขลาพลังใหม่
ส่วนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด( ส.อบจ. ) มีจำนวน 99 คน จากทีมสงขลาเข้มแข็ง 35 เขต ทีมสงขลาพลังใหม่ 35 เขต และพรรคประชาชน 29 เขต จาก 36 เขต
สำหรับระเบียบการลาออกจากราชการเพื่อสมัครรับเลือกตั้ง
1.เมื่อข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการให้ยื่นหนังสือขอลาออกต่อผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง โดยยื่นล่วงหน้าก่อนวันขอลาออกไม่น้อยกว่า 30 วัน เพื่อจะได้มีเวลาพิจารณา หากผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 เห็นว่ามีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ราชการ ก็อาจจะยับยั้งการลาออกไว้ได้ไม่เกิน 90 วันนับแต่วันที่ขอลาออก (มาตรา 109 วรรคหนึ่งและวรรคสาม)(แห่งพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551)
2.ขณะเดียวกัน มาตรา 109 วรรคห้า ยังบัญญัติเกี่ยวกับการลาออกเพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาอีกว่าให้ยื่นหนังสือขอลาออกต่อผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปชั้นหนึ่งเช่นกันและให้การลาออกมีผลนับแต่วันที่ผู้นั้นขอลาออก
3.ก็เป็นประเด็นขึ้นมาว่า แล้วจะยื่นหนังสือขอลาออกได้เมื่อใด อย่างไรกันนะ
4.ประเด็นนี้ ก.พ. (อ.ก.พ.ฯ กฎหมายฯ ครั้งที่ 8/2543 เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2543) พิจารณาให้ความเห็นโดยสรุปว่า หลักเกณฑ์การขอลาออกจากราชการ กรณีทั่วไปผู้ขอลาออกจะต้องยื่นหนังสือขอลาออกล่วงหน้าก่อนวันขอลาออกไม่น้อยกว่า 30 วัน เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาอนุญาต ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการ ผู้บังคับบัญชาอาจยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกได้ไม่เกิน 90 วัน นับแต่วันที่ขอลาออกเว้นแต่กรณีลาออกเพื่อสมัครรับเลือกตั้งให้ยื่นหนังสือขอลาออกต่อผู้บังคับบัญชาอย่างช้าภายในวันที่ขอลาออกและให้การลาออกมีผลนับแต่วันที่ขอลาออก
5.ขณะเดียวกัน ก.พ.ยังได้ให้ความเห็นต่อไปอีกว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 มาตรา 115 บัญญัติไว้โดยสรุปว่า เมื่ออายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงจะได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นการเลือกตั้งทั่วไปภายใน 45 วันนับแต่วันที่อายุสภาสิ้นสุดลง และมาตรา 116 บัญญัติไว้โดยสรุปอีกเช่นกันว่า การยุบสภาผู้แทนราษฎรซึ่งกระทำโดยพระราชกฤษฎีกาจะต้องกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป ภายใน 60 วันอีกเช่นกัน
ดังนั้น ก.พ.จึงเห็นว่า การลาออกจากราชการเพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นสส.นั้น จะต้องให้ทางราชการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งก่อน นับแต่นั้นจึงจะยื่นหนังสือขอลาออกโดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อสมัครรับเลือกตั้งได้
6.ดังนั้น หากมีข้าราชการยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการโดยอ้างเหตุผลว่า เพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นสส.ในขณะที่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ก็ไม่อาจจะอ้างได้ แต่ถ้าประสงค์จะขอลาออก ก็จะต้องยื่นขอลาออกจากราชการเป็นการทั่วไปครับ ขณะนี้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาแล้วตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (2550) มาตรา 180(2) ข้าราชการผู้ใดพร้อมจะสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ก็เตรียมยื่นหนังสือขอลาออกได้