“ปชป.”หนุนสันนิบาตสหกรณ์ฯเดินหน้า“สภาสหกรณ์แห่งชาติ”ยกระดับขบวนการสหกรณ์ของไทย

“ปชป.”สนับสนุนสันนิบาตสหกรณ์ฯ.เดินหน้าโครงการ“สภาสหกรณ์แห่งชาติ”ยกระดับอัพเกรดขบวนการสหกรณ์ของไทย

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์และอดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศคนที่ 1ได้รับมอบจากดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เข้าร่วมการประชุม สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยเรื่องโครงการจัดตั้งสภาสหกรณ์แห่งชาติ โรงแรมเอเซียแอร์พอร์ต โดยมีนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานคณะกรรมการดำเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) บรรยายในหัวข้อ โครงการจัดตั้งสภาสหกรณ์แห่งชาติ

นายอลงกรณ์ กล่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ มีนโยบายสนับสนุนขบวนการสหกรณ์และสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องยาวนานโดยเฉพาะในช่วงที่เป็นแกนนำรัฐบาลได้ปรับปรุงพรบ.สหกรณ์ปี2511ที่ใช้มา 31 ปีให้ทันสมัยในปี2542 ดังนั้นเมื่อสันนิบาตสหกรณ์ฯริเริ่มโครงการจัดตั้งสภาสหกรณ์แห่งชาติจึงพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

“ขบวนการสหกรณ์ของไทยเกิดขึ้นมากว่า100 ปีตั้งแต่ปี2458จนเติบใหญ่มีสมาชิกกว่า10ล้านคนในสหกรณ์ 7 ประเภทจำนวนกว่า 6,000 สหกรณ์เป็นองค์กรธุรกิจใหญ่ที่สุดมีทรัพย์สินเงินทุนหมุนเวียนและธุรกิจไม่น้อยกว่า5ล้านล้านบาทมากกว่างบประมาณแผ่นดินเกือบ2เท่ามีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตลอดมา

ดังนั้นเมื่อสันนิบาตสหกรณ์ฯริเริ่มโครงการจัดตั้งสภาสหกรณ์แห่งชาติจึงพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่และพร้อมร่วมคิดร่วมจัดทำร่างพระราชบัญญัติ“สภาสหกรณ์แห่งชาติ” เช่นเดียวกับการที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้ตราพระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติพ.ศ. 2553เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเกษตรกรและภาคเกษตรกรรมของประเทศ“

ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ ระบุว่า ได้เสนอ2แนวทางในการจัดตั้งสภาสหกรณ์แห่งชาติ เช่น การตรากฎหมายใหม่หรือปรับปรุงกฎหมายเดิมยกฐานะสันนิบาตสหกรณ์ฯ.เป็นสภาสหกรณ์ฯหรือเป็นสภาสหกรณ์และเกษตรกรแห่งชาติภายใต้การปรับปรุงกฎหมายสภาเกษตรกรแห่งชาติซึ่งต้องหารือกับคณะกรรมการสภาเกษตรกรแห่งชาติว่าขัดข้องหรือไม่อย่างไรเพื่อให้ขบวนการสหกรณ์แข็งแกร่งและเป็นเอกภาพ นอกจากนั้นกฎหมายการจัดตั้งจะต้องตอบโจทย์การบริหารสหกรณ์ที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใส ต้นทุนเงินสหกรณ์และดอกเบี้ย ความสามารถในการประกอบธุรกิจแบบอเนกประสงค์ทันต่อยุคดิจิตอล

รวมทั้งการให้มีองค์กรอิสระทำหน้าที่กำกับดูแลและสนับสนุนในรูปแบบRegulatorในสาขากิจการประกันภัย สาขากิจการสื่อสารโทรคมนาคม สาขากิจการไฟฟ้าฯลฯแทนกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินการภายใต้คณะกรรมการกำกับกิจการที่เป็นองค์อิสระ