โค้งสุดท้าย “เจ้ต้อย”ยังเหนือกว่าด้วยกระบวนการ และเครือขาย “น้ำ”เหนื่อยกับการเปลี่ยนกระแสให้เป็นคะแนน
อาทิตย์สุดท้าย อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช (อบจ.) เหลือเวลาในการหาเสียงหาคะแนนนิยมกันเพียง 7 วันเท่านั้น กล่าวได้ว่า 40 กว่าวันของการหาเสียงที่ผ่านมาผู้สมัครทั้ง 4 ท่าน ได้ใช้แนวทางของตัวเองในการหาคะแนนนิยมกันอย่างสุดความสามารถแล้ว
กล่าวสำหรับแชมป์เก่า “เจ้ต้อย กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 นอกจากการชูนโยบายที่จะทำต่อแล้ว การเดินสายพบปะ ปราศรัยย่อยแจกแจงผลงานในรอบ 4 ปี พร้อมแก้ข้อครหา บวกรวมกับการใช้เครือข่าย ทั้งกลุ่มสตรี การเมืองท้องถิ่น โดยเฉพาะสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุดปัจจุบัน รวมถึงชาว อบต.ปฏิบัติการในระดับพื้นที่ฐานราก สามารถกุมฐานเสียงระดับล่างเอาไว้ได้ ที่สำคัญคือการมี สส.อยู่ในกำมือถึง 6 คน ภายใต้การกำกับของ “แทน-ชัยชนะ เดชเดโช” ของพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าไม่ธรรมดา
กล่าวสำหรับแทน เชื่อถือได้ในการจัดการคะแนน เพราะเขาผ่านสนามเลือกตั้งมาตั้งแต่เด็กๆ สมัยพ่อ “วิฑูรย์ เดชเดโช”ลงสมัครนายกฯอบจ. ย่าจะได้ซึมซับกลยุทธ์ กลวิธี เรียนรู้เอาไว้ได้มาก การจัดการคะแนนจึงน่าจะเป็นต่อคนอื่นๆ ที่มีเครือข่ายในระดับพื้นที่พร้อมขับเครื่องอาวุธหนักออกถล่มค่ายกลของคู่ต่อสู้ได้อย่างไม่ยาก เพียงแต่ว่า ทหารราบได้มีการประเมินกันอย่างรอบคอบรอบด้านแล้วหรือยังในการปล่อยกระสุนออกสู่เป้าหมาย ยิงแล้วไม่พลาด
แน่นอนว่า แชมป์จะต้องถูกโดนชกหนักหน่อย ทั้งชกใต้เข็มขัดก็มี กัดหูก็มี ถือเป็นเรื่องธรรมดา กรรมการ คือประชาชนเขานั่งจับตามองอยู่ ถึงวันหนึ่งเขาจะตัดสิทธิ์ว่า จะให้เจ้ต้อยไปต่อ หรือพอแค่นี้
ส่วนน้ำ-วาริน ชิณวงศ์ เบอร์ 2 แม้ในช่วงแรกจะมีคนถามกันไม่น้อยว่า เบอร์ 2 คือใคร แต่เมื่อผ่านช่วงเวลาหนึ่งมา คำถามนี้หายไป พร้อมกับกระแสที่พุ่งแรงขึ้นมาจนมีการกล่าวขานถึงในระดับเป็นคู่เทียบคู่ชิงกับเจ้ต้อยเลยทีเดียวบวกกับการใช้สื่อโซเชี่ยลกระโดนข้ามกำแพงบ้านเข้าถึงห้องนอนอย่างได้ผล เพียงแต่เนื้อหาอาจจะยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ลงรายละเอียดในนโยบายที่โดนใจ จึงอาจจะยังมีคำถามว่าแล้วนโยบายนั้นนโยบายนี้จะทำอย่างไร น้ำเองการโพสต์ข้อความในเฟสบุ๊ค ยังไม่ค่อยมีรายละเอียด ยังต้องให้คนมาโพสต์ถาม เช่น โพสต์ว่า วันนี้ปราศรัยขนอม-สิชล แต่ไม่รู้ว่าที่ไหน จุดไหน เวลาใด น่าเสียดายน้ำไม่ได้ใช้โอกาสในช่วงขาขึ้นอธิบายรายละเอียดของนโยบายดีๆหลายเรื่อง พูดซ้ำๆเรื่องเดิมๆด้วยช่วงทำนองที่ฉะฉานของสาวมั่น
การที่น้ำประกาศว่า ไม่ซื้อเสียง ในทางทฤษฎีถือว่า เป็นจุดแข็ง ยืนหยัดในหลักการประชาธิปไตย ที่ต้องการสร้างสรรค์การเมืองที่บริสุทธิ์ แต่การประกาศว่า ไม่มีหัวคะแนน อาจจะล็อคคอตัวเองเอาไว้แน่นเกินไป ใครจะเป็นคนจัดการคะแนนในระดับพื้นที่ การจะหวังกระแสอย่างเดียวอาจไม่เดินไปถึงเป้าหมาย แม้กระแสจะดี แต่จะทำอย่างไรให้กระแสแปรเปลี่ยนเป็นคะแนน นี้คือ โจทย์ยากของน้ำ และทีมยุทธศาสตร์
น้ำอาจจะกุมคะแนนเสียงคนระดับกลาง-บน คนในเมืองเอาไว้ได้ในระดับหนึ่ง แต่ถามว่า ระดับกลาง-บน เป็นคนกี่เปอร์เซ็นต์ของประชากรจังหวัด อาจจะไม่ถึง 20% ด้วยซ้ำ จุดอ่อนอีกอย่างของทีมน้ำ คือการปราศรัยบนเวทีแล้ว ใช้คำหยาบ ด่าทอคู่แข่ง ซึ่งเป็นการเมืองแบบเก่า ที่ขัดกับบุคคลิกของน้ำที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ก้าวเข้ามาเพื่อสร้างการเมืองใหม่ แต่สุดท้ายทีมงานก็ยังไม่เข้าใจในเจตนารมย์ ปล่อยมุกบนเวทีด้วยคำหยาบ ด่าทอด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมที่คนนครฯไม่ชอบ
ถามว่ากระแสเปลี่ยนมีไหม ตอบได้ว่า มี และแรงด้วย แต่ต้องยอมรับความจริงว่า ภูมิทัศน์ทางการเมืองได้เปลี่ยนไปแล้ว และเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงและเร็ว ส่วนหนึ่งภูมิใจไทยได้เข้ามาร่วมสร้างภูมิทัศน์ใหม่ให้กับเมืองคอนในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เงินสะพัดไปทุกหย่อมหญ้า เงินไม่มาก้าวขาออกจากบ้านไม่เป็น
ชาวบ้านระดับรากหญ้านั่งรออยู่ว่า เมื่อไหร่เงินจะมา ต้องการเปลี่ยนแต่เงินคือปัจจัยในการเปลี่ยน
สรุปรวมโค้งสุดท้ายนี้ “เจ้ต้อย-กนกพร เดชเดโช” ยังเป็นต่อด้วยกระบวนการบริหารจัดการและปัจจัยที่พร้อมกว่า น้ำต้องเหนื่อยกับการเปลี่ยนกระแสให้เป็นคะแนน
#นายหัวไทร