หลักฐานชี้  คาร์บอมบ์บิ๊กซีโยงบึ้ม 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน

     มีความคืบหน้าเหตุคาร์บอมบ์บริเวณห้างบิ๊กซี ปัตตานี โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิดที่คนร้ายใช้ได้แล้ว และเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มที่เคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนด้วย ขณะที่ยอดผู้ได้รับบาดเจ็บพุ่งสูงถึง 80 คน 

          เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี ของจังหวัดปัตตานี ได้เข้าตรวจที่เกิดเหตุระเบิดภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาปัตตานี ตั้งอยู่ริมถนนทางเข้าเมืองปัตตานี เมื่อช่วงเช้าของวันพุธที่ 10 พ.ค.60 หลังเกิดระเบิด 1 วัน พบว่าที่เกิดเหตุแยกเป็น 2 จุด คือ จุดแรกบริเวณทางเข้าลานจอดรถ เป็นระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ตั้งเวลา ลูกเล็ก น้ำหนักระเบิดไม่มากนัก
          จุดที่สอง เป็นจุดเกิดเหตุคาร์บอมบ์ บริเวณประตูทางเข้าห้างฯ เจ้าหน้าที่พบถังแก๊ส 2 ถัง เป็นถังใหญ่ขนาดบรรจุ 15 กิโลกรัม 1 ถัง และถังเล็กขนาดบรรจุ 5 กิโลกรัมอีก 1 ถัง คาดว่าใช้บรรจุดินระเบิดน้ำหนักประมาณ 70-80 กิโลกรัม โดยคนร้ายต่อชนวนไว้ 2 ระบบ คือแบบตั้งเวลาและจุดระเบิดด้วยวิทยุสื่อสาร มีสะเก็ดระเบิดเป็นเหล็กเส้นตัดท่อน ทั้งยังมีแกลลอนบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อขยายแรงระเบิดให้เกิดเพลิงไหม้ด้วย
          สำหรับเบาะแสของคนร้ายที่ตำรวจรวบรวมได้จากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 10 คน โดย 2 คนเป็นคนขับรถที่บรรทุกระเบิดมา ทั้งคู่เดินลงจากรถหลังจอดสนิทหน้าประตูห้างฯ และมีเพื่อนอีก 2 คนขี่รถจักรยานยนต์มารับไปบริเวณด้านหน้าห้างบิ๊กซี นอกจากนั้นยังมีคนร้ายอีกกลุ่มหนึ่งที่ทำหน้าที่สั่งเกตการณ์ปะปนกับลูกค้าของห้างฯด้วย
          ทีมลอบวางระเบิดครั้งนี้ คาดว่าเชื่อมโยงกับ นายอับดุลเลาะ สาแม ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีวางระเบิดคาร์บอมบ์หน้าฐานปฏิบัติการของตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) เมื่อวันที่ 27 ก.พ.59 ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากบิ๊กซีปัตตานีราว 1 กิโลเมตรเท่านั้น
          อีกคนที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับทีมลอบวางระเบิด คือ นายฮากีม ดอเลาะ ผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์หน้าโรงแรมเซาเทิร์นวิว ปัตตานี เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ปีเดียวกัน ซึ่งโรงแรมเซาเทิร์นวิว อยู่ห่างจากบิ๊กซีปัตตานี ประมาณ 2 กิโลเมตร โดยนายฮากีมยังอยู่ในกลุ่มที่ถูกออกหมายจับจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ระหว่างวันที่ 11-13 ส.ค.ปีที่แล้วด้วย
          ส่วนที่มีข้อมูลส่งแชร์กันทางไลน์ว่าคนร้ายทำทีทะเลาะกับภรรยา แล้วจอดรถทิ้งไว้ก่อนเกิดระเบิดนั้น จากการตรวจสอบภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายเป็นชายทั้งสองคน ลงมาจากรถ และไม่ได้แสดงท่าทีว่าทะเลาะกัน เนื่องจากเดินไปทางเดียวกัน และไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่เพื่อนร่วมขบวนการมารอรับ
          สำหรับ นายนุสน ขจรคำ เจ้าของรถกระบะที่ถูกคนร้ายใช้ทำคาร์บอมบ์นั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม โดยข้อมูลที่ตำรวจทราบก็คือ มีโทรศัพท์ลึกลับอ้างว่าเป็นลูกค้า ว่าจ้างนายนุสนไปติดตั้งผ้าใบบังแดด จากนั้นนายนุสนก็ขับรถออกจากบ้านไปเพียงลำพัง ก่อนจะหายตัวไป จากการตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ของนายนุสน สัญญาณขาดหายไปในพื้นที่อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ไม่ไกลจากบิ๊กซีมากนัก
          จำนวนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดบริเวณห้างบิ๊กซี ปัตตานี ยังคงพุ่งสูงไม่หยุด ยอดล่าสุดไปถึง 80 ราย ในจำนวนนี้อาการไม่หนัก แพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน 53 ราย ที่เหลือ 27 รายยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล แยกเป็นโรงพยาบาลปัตตานี 26 ราย และอีก 1 รายอยู่ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
          ในส่วนของผู้บาดเจ็บ จะได้รับเงินเยียวยากจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. โดยจ่ายผ่านจังหวัด กรณีบาดเจ็บปานกลาง รายละ 30,000 บาท รวม 4 ราย กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 10,000 บาท จำนวน 23 ราย สำหรับผู้ที่ทรัพย์สินเสียหาย สามารถไปลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์รับลงทะเบียน ในห้างบิ๊กซีปัตตานี
 ผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดขณะกำลังหลบหนี โดยมีผู้ร่วมขบวนการขี่รถจักรยานยนต์มารอรับ


cr:​สำนักข่าวอิศรา