หลายฝ่ายร่วมแสดงความยินดี ‘จุฬาราชมนตรี-อารีย์ วงศ์อารยะ’รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี,มูลนิธิอัลอะมานะห์เพื่อการศึกษาและพัฒนา จ.สุราษฎร์ธานี, มูลนิธิศิลปวัฒนาแห่งสุเหร่าตรอกจันทร์ และบริษัท พุมเรียง เฟรชฟู๊ด ร่วมกันจัดงานแสดงความยินดี นายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี นายอารีย์ วงศ์อารยะ เนื่องในโอกาสรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่โรงแรมอัลมิรอซ ถนนรามคำแหง ได้มีพิธีแสดงความยินดีกับจุฬาราชมนตรี นายอรุณ บุญชม ในโอกาสได้รับพระราชทานปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาอิสลามศึกษาและมุสลิมศึกษา จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และนายอารีย์ วงศ์ อารยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในโอกาสรับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขารัฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมูลนิธิอัลอะมานะห์เพื่อการศึกษาและพัฒนา จ.สุราษฎร์ธานี โดยนายธงชัย ปิติเศรษฐ บริษัท พุมเรียง เฟรชฟู๊ด จำกัด โดยน.ส.ปภาดา ปิติเศรษฐ มูลนิธิศิลปวัฒนาแห่งสุเหร่าตรอกจันทร์ โดยนางผุสดี ปิติเศรษฐ และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมเป็นเจ้าภาพ

มีผู้เกียรติ มาร่วมแสดงความยินดี อาทิ นายเอกพจน์ วงศ์ อารยะ อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร ดร.สิทธิชัย สวัสดิ์แสน รอง ผวจ.นราธิวาส นายณรงค์ สืบตระกูล อดีตที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ กรมที่ดิน ว่าที่ร้อยตรีสมศักดิ์ สันประเสริฐ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมที่ดิน รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อาแว มะแส อดีตคณะบดีคณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นายพีรพจน์ เมธาพงศ์บริบูรณ์ หัวหน้าทำงานโครงการแก้ไขปัญหากรรมสิทธิ์ที่ดินของมัสยิดทั่วประเทศ นายสมศักดิ์ วงศ์ประเสริฐ รองประธานกอจ.สมุทรปราการ และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายธงชัย ได้กล่าวแสดงกล่าวสดุดี นายอรุณ บุญชม และนายอารีย์ วงศ์อารยะว่า เป็นปูชนียบุคคลที่ทรงคุณค่ายิ่งของสังคมมุสลิมและประเทศไทย เป็นความปลื้มปิติอย่างยิ่งต่อองค์กรสถาบันมุสลิม และพี่น้องประชาชาติมุสลิมทั่้งประเทศ ทั้ง 2 ท่านเป็นคนที่ทรงความดี มีจิตใจที่งดงามมีความเสียสละเพื่อองค์กรมุสลิมและสังคมมุสลิมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดคุณค่าและคุณประโยชน์แก่สังคมเป็นสำคัญ

‘โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา กระผมและคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับเกียรติจากทั้ง 2 ท่าสสละเวลาไปมอบโฉนดที่ดินทีจดทะเบียนถือกรรมสิทธิ์ถือครองให้แก่มัสยิดในจังหวัดสุราษฎร์ธานี 12 แห่ง ไปเยี่ยมมัสยิดฮิดายะห์ และโรงงานของบริษัท พุมเรียง เฟรชฟู๊ด จำกัดที่ต.พุมเรียง อ.ไชยา ได้ปฏิบัติภารกิจตลอดทั้งวัน แม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ไม่ย่อท้อที่จะทำงานเพื่อองค์กรมุสลิมสร้างความปราบปลื้มให้กับพี่น้องมุสลิมในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นอย่างยิ่ง ในนามประธานกอจ.สุราษฎร์ฯ จึงขอขอบคุณ จุฬาราชมนตรี, นายอรุณ บุญชม, นายณรงค์ สืบตระกูล, ว่าที่ร้อยตรีสมศักดิ์ สันประเสริฐ และเจ้าหน้าที่ที่ดินทุกท่าน นายพีรพจน์ เมธาพงศ์บริบูรณ์ ที่ได้ประสานให้การออกโฉนดมัสยิดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี’

นายธงชัย ปิติเศรษฐ ประธานกอจ.สุราษฎร์ฯ และประธานมูลนิธิอัลอมานะห์ฯ

รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ได้อ่านคำประกาศเกียรติคุณของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า นายอารีย์ วงศ์อารยะ เป็นแบบอย่างของนักปกครองในการบริหารราชการแผ่นดินป็นผู้บริหารทีมีภาวะผู้นำสูงมีความรู้ มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงาน ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางสมควรได้รับการยกย่องเป็นเกยรติและบบอย่างที่ดีสืบไป

ในคำประกาศเกียรติคุณ ยังระบุด้วยว่า การระหว่างการเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัด นายอารีย์ได้ทำงานเพื่อประโยชน์ของชาวบ้านและประเทศชาติ เช่น ปัญหาความไม่สงบ ลดเงื่อนไขความขัดแย้ง การส่งเสริมการสร้างงานสร้างอาชีพให้ชาวบ้านในพื้นที่สร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชาชน จนประสบความสำเร็จ นับเป็นผู้บริหารที่ได้อุทิศตนเพื่อประชาชนจากการเป็นผู้นำในการบริหารงานแบบบูรณาการ เป็นผู้บุกเบิกงานด้านการพัฒนาชุมชน
นายอารีย์ ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัด เป็นอธิบดีหลายกรม จนเป็นปบัดกระทรวงมหาดไทย ในทางการเมือง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อาแว มะแส อดีตคณะบดีคณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนตาบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวยกย่องเกียรติคุณ

นอกจากนี้ยังเป็นประธานคณะกรรมการมูลนิธิสายใจไทยสู่ใจใต้มาตั้งแต่ปี 2548 ได้นำเยาวชนที่ด้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายนแดนภาคใต้มาเรียนรู้ประสบการณ์และเสริมสร้างการอยู่ร่วมกันในสังคม มีเยาวชนที่เข้าโครงการแล้วกว่า10,000 คน และยังเป็นกรรมการในสถาบันการศึกษาหลายแห่ง แม้กระทั่งวงการกีฬาได้เป็นนายกสมาคมวอลเลย์บอล ได้วางพื้นฐานจนเป็นกีฬาที่ก้าวสู่ระดับโลก

‘นายอารีย์ วงศ์อารยะ จึงเป็นแบบอย่างของนักบริหารและนักปกครองในการบริหารราชการแผ่นดิน มีความกล้า และความเสียสละ ซึ่งพิสูจน์ได้จากความสำเร็จในการทำงานในตำแหน่งต่างๆ ทั้งข้าราชการประจำและข้าราชการการเมือง สามารถนำความรู้ มาปรับใช้กับทุกสถานการณ์ ทุกภูมิภาค ทุกสังคมอย่างมีประสิทธิผล ได้รับการยอมรับจากหน่วยงาน องค์กร สมาคม และประชาชน ด้วยการทำงานทุ่มเท เสียสละ และสร้างคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยรวม มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงเห็นชอบมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ในสาขารัฐศาสตร์’

ขณะที่ผศ.ดร. อาแว กล่าวยกย่องเกียรติคุณ จุฬาราชมนตรี และนายอารีย์ ระบุว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า ท่านทั้ง 2 เป็นผู้ที่มีบทบาทสูงในสังคมมุสลิมและสังคมไทยเป็นเวลายาวนาน สร้างผลงานจนเป็นที่ประจักษ์

‘อาจารย์อรุณ บุญชม เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านอิสลามศึกษาและมุสลิมศึกษาเป็นอย่างดี ได้อุทิศตนเพื่อศึกษาค้นคว้า องค์ความรู้ด้านวิชการอิสลาม โดยเฉพาะด้านกฎหมายอิสลามและด้านการเงินการคลังอิสลามอย่างต่อเนื่อง ยังเป็นวิทยากรในการเผยแพร่ศาสนาอิสลามในการประชุมระดับสำคัญทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมีความผลงานทางวิชาการอิสลามที่โดดเด่น ยังเป็นผู้นำองค์กรศาสนาอิสลามในทุกหระดับ ตั้งแต่ระดับมัสยิดจนถึงระดับชาติ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์และได้รับการยอมรับโดยทั่วไป’

จุฬาราชมนตรี นายอรุณ บุญชม

‘นายอารีย์ วงศ์อารยะ มีความรู้ความสามารถด้านการบริหารองค์กรของรัฐ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในหลายด้านโดยเฉพาะด้านการเมืองและการปกครอง จนมีตำแหน่งสูงสุดในทางราชการ และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สร้างผลงานไว้มากมายจนเป็นที่ยอมรับในสังคมมุสลิม และสังคมไทยในวงกว้าง’

ต้องขอขอบคุณท่านทั้ง 2 ที่ได้ทุ่มเทการทำงาน เพื่อสร้างสังคมสันติสุข ตามแนวทางอิสลาม

ด้านจุฬาราชมนตรี กล่าวว่า เป็นความปลาบปลื้มและปิติยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับพระราชทานปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตฯ จากมอ.วิทยาเขตปัตตานี นับเป็นเกียรติแก่ตัวผม และสังคมมุสลิม เนื่องจากปริญญาที่ได้รับเกี่ยวข้องกับสังคมมุสลิมของเรา ซึ่งมุสลิมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติกับศาสนิกอื่น เพราะทุกคนสำนึกในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะองค์อัครศาสนูปภัมภก ที่ดูแลทุกศาสนา

นายอารีย์ วงศ์อารยะ อดีตรมว.มหาดไทย

‘เรามีมัสยิดกว่า 4,000 มัสยิด คุณพีรพจน์ เมธาพงศ์บริบูรณ์ ได้ทำงานแก้ไขปัญหามัสยิดไม่มีเอกสารสิทธิ์ โดยมีผู้ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังให้การสนับสนุนคือ ท่านอารีย์ วงศ์อารยะ ที่ได้เสียสละและอดทน แม้จะเกษียณอายุราชการแล้วก็ยังทำงานให้ความช่วยเหลือสังคมมุสลิมเรา โดยเฉพาะการแก้ปัญหาให้มัสยิดมีเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้อง โดยได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากกรมที่ดิน ทำให้ประสบความสำเร็จ การที่มัสยิดไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทำให้มีปัญหาไม่สามารถจดทะเบียนโรงเรียนตาดีกาได้ จึงเห็นว่า เราควรจะร่วมมือกันทำงานนี้ให้สำเร็จ ซึ่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยท่านธงชัย ปิติเศรษฐ จึงดำเนินการจัดทำโฉนดที่ดินให้มัสยิด เพื่อเป็นตัวอย่างให้จังหวัดอื่น นับเป็นเรื่องที่ดีมาก และท่านก็จะได้บุญกุศลครั้งนี้ตลอดไป เพราะได้วางแนวทางให้ที่อื่นทำตาม’

ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดี ในโอกาสที่ได้รับพระราชทานปริญญาฯในครั้งนี้

ด้านนายอารีย์ วงศ์อารยะ กล่าวว่า การได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิต นับเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจสิ่งที่ได้ทำไม่ใช่แต่สังคมมุสลิมเท่านั้น สังคมอื่นเราก็มีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน สิ่งที่ทำเพื่อทุกสังคม ทุกความเชื่อ บางครั้งก็ทำให้พี่น้องมุสลิมไม่เข้าใจ แต่ก่อนที่จะทำอะไรในสิ่งที่แลกแตกต่าง ได้ปรึกษาจุฬาราชมนตรีก่อน

‘ขอยืนยันว่า ตรสบใดที่ผมยังมีชีวิตอยู่มีแรงมีกำลัง ก็จะทำงานเพื่อพี่น้อง ให้เกิดความสุขความเข้าใจ ลดความขัดแย้ง โดยเฉพาะใน5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สิ่งที่ต้องทำให้มากที่สุดคือ เยาวชนเพราะจะต้องเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงแนวความคิด แนวทางปฏิบัติ โดยเฉพาะการเปลี่ยนเทคโนโลยี การทำสิ่งใดจะต้องตามเทคโนโลยีให้ทัน ถ้าเราตามไม่ทัน เราก็เดินถอยหลัง สิ่งที่ผมทำมากที่สุดในชีวิต ต้องพาลูกหลานของเราต้องทันสิ่งเปลี่ยนแปลงของโลก ต้องทำหลายแบบทั้งกับมุสลิมด้วย พุทธด้วย คริสต์ด้วย ไม่มีปัญหาความขัดแย้งกัน โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดจะต้องลดความขัดแย้งให้มากที่สุด ให้เยาวชนเติบโตมีความรู้ความสามารถมีความทันสมัย รู้เท่ากันการเปลี่ยนแปลง การแก้ปีญหาเยาวชนในภาคใต้จึงสำคัญที่สุด โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด ผมทำงานอยู่กับปอเนาะ จะทำให้ปอเนาะเป็นที่ฟื้นฟูเยาวชน โดยร่วมกับทุกกระทรวง ทบวง กรม จะทำให้ดีที่สุด เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม’ นายอารีย์ กล่าวทิ้งท้าย