หลังจากเหตุการณ์ 7 ตุลาคม เกิดขึ้นใหม่ ๆ ชาวอิสราเอลมีความสามัคคีกัน จากความบอบช้ำทางจิตใจที่เกิดจากการโจมตีของกลุ่มฮามาส แต่ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันว่า จะยุติสงครามได้อย่างไร
ผลพวงของการโจมตีโดยฮามาส ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวเพื่อความสามัคคีในชาติ โดยมีอาสาสมัครเตรียมอาหารให้กับทหาร และต้อนรับผู้พลัดถิ่นเข้ามาในบ้าน
อิสราเอลเปิดศึกหลายด้าน กระแสไม่พอใจพุ่ง!
ความโศกเศร้าและความสามัคคีร่วมกันนี้ ทำให้ชาวอิสราเอลใจชื้นขึ้น แต่กระทรวงสาธารณสุขของประเทศกล่าวว่า ขณะนี้ “ประเทศเผชิญกับวิกฤตสุขภาพจิตที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์”
คำถามเกี่ยวกับชะตากรรมของตัวประกัน และบาดแผลทางจิตใจ ทำให้ผู้คนก้าวข้ามต่อไปได้ยากขึ้น นายเมราฟ รอธ นักจิตวิเคราะห์ชาวอิสราเอล ผู้เคยดูแลอดีตตัวประกันและครอบครัวของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า “ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยของอิสราเอลถูกทำลายลง ทั้งนี้เพราะพวกเขาระบุตัวตนกับเหยื่อได้ และเพราะกองกำลังป้องกันอิสราเอล ไม่สามารถป้องกันการบุกรุกประเทศได้ การบุกรุกบ้าน ทั้งส่วนบุคคลและส่วนรวมครั้งนี้ ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์อิสราเอล และมีนน่าสะพรึงกลัวมาก”
ผลของสงครามที่ยาวนาน ทำให้มีกากรประท้วงเกิดขึ้นในอิสราเอลบ่อยมากขึ้น และผู้ประท้วงต้องการให้ยุติการสู้รบ และให้รัฐบาลอิสราเอลเจรจากับกลุ่มฮามาส เพื่อนำชาวอิสราเอลที่ถูกกักตัวไว้กลับคืนมาโดยยังมีชีวิต
อิสราเอลเปิดศึกหลายด้าน กระแสไม่พอใจพุ่ง!
นักวิจัยแห่งสถาบันประชาธิปไตยของอิสราเอล กล่าวว่า สถานการณ์ในอิสราเอลวันนี้ มีความแตกแยกระหว่างฝ่ายซ้าย (ฝ่ายค้าน) และฝ่ายขวา (ฝ่ายรัฐบาลเนทันยาฮู) ที่ชัดเจน และเกิดคำถามขึ้นว่า กับตัวประกันที่เหลืออยู่ราว 93 คน จากราว 251 คน เหตุใดรัฐบาลของนายเนทันยาฮูจะต้องใช้จ่ายเงินทองเพื่อการทำสงคราม และใช้เวลาเพื่อการสู้รบอย่างมากและยาวนานเช่นนี้ ?
นอกจากนี้ บรรดาญาติของพลเรือนที่ถูกเกณฑ์ไปทำการสู้รบในกาซา ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตไปราว 700 คน รวมทั้งการขยายสงครามไปสู้รบกับกลุ่มเฮซบอลเลาะฮ์ ในเลบานอน ยิ่งทำให้ชาวอิสราเอลไม่พอจารัฐบาลของตนเองมากขึ้น
